"กองปราบฯ" บุกปิดบ่อดินอิทธิพล เจ้าของทำตัวเป็นมาเฟีย ใหญ่ขุดดินท้าทายอำนาจรัฐมากว่า 20 ปี ทั้งที่อยู่ในพื้นที่สีเขียว ทำชาวบ้านเดือดร้อนสาหัส ทนไม่ไหวรวมตัวร้องเรียนมาหมดแล้ว ทั้งตำรวจท้องที่ ฝ่ายปกครอง นักการเมืองระดับประเทศอีกหลายพรรค เคยถูกจับมาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ถึงมืออัยการแค่สั่งปรับ หึ่งเป็นญาติสนิทอดีตบิ๊กอัยการชื่อดัง พฤติกรรมกร่างระหว่างตำรวจเข้าจับกุมยังขับรถบรรทุกมาขวาง เปิดทางให้คนงานต่างด้าวหลบหนีไปได้ 5 คน สอบสวนเบื้องต้นให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ตำรวจกองปราบปรามลุยจับบ่อดินเถื่อนรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 19 มิ.ย. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป.สั่งการ พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. และ พ.ต.ต.จิรัฎฐวัฒน์ กิจรุ่งเรืองเดช สว.กก.4 บก.ป.นำกำลังจับกุมนายอารีย์ นาคสุข อายุ 70 ปี เจ้าของบ่อดินเถื่อน ในพื้นที่บ้านกอสะเลียม หมู่ 8 และหมู่ 11 ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ตรวจยึดของกลางประกอบด้วยรถแบ็กโฮ 2 คัน รถบรรทุกดิน 3 คัน เอกสารการรับส่งดิน ใบสั่งงาน บัญชีรายชื่อพนักงาน กล้องวงจรปิดพร้อมเครื่องบันทึกภาพแบบดิจิทัล และรถกระบะอีก 1 คัน

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจกองปราบปรามได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่านายอารีย์ ลักลอบเปิดกิจการบ่อดินโดยไม่มีใบอนุญาต และฝ่าฝืนผังเมืองรวม จ.เชียงใหม่ ที่ระบุว่าเป็นพื้นที่สีเขียว ห้ามขุดดินเด็ดขาด มากว่า 20 ปี ก่อนหน้านี้นายอารีย์เคยถูกจับกุมมาแล้ว 4 ครั้งแต่คดีไม่เคยถึงชั้นศาล เนื่องจากอัยการมีคำสั่งให้เปรียบเทียบปรับกับอุตสาหกรรมจังหวัดและเทศบาลเท่านั้น ทำให้ผู้ต้องหาไม่เกรงกลัวกฎหมายยังคงดำเนินกิจการอย่างท้าทายอำนาจรัฐ ก่อความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่อย่างหนัก ทั้งเสียงรถ ฝุ่น ดินตกหล่นบนถนน ถนนพังเสียหาย และอุบัติเหตุจากรถบรรทุกเข้า-ออก ทำให้ประชาชนบาดเจ็บมาแล้วหลายราย

...

นอกจากนี้บ่อดินเถื่อนยังกระทบระบบน้ำบาดาล ทำให้แม่น้ำลำคลองสาธารณะเปลี่ยนเส้นทาง บ้านเรือนประชาชนชำรุด ดินทรุด นายอารีย์มักอ้างตัวว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอดีตอัยการคนดัง และเชื่อมโยงอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับประเทศที่เคยเป็นข่าวดังในคดีอุ้มฆ่า ประกอบกับคดีไม่เคยถึงชั้นศาลทำให้ชาวบ้านเกรงกลัว เชื่อว่านายอารีย์เป็นผู้มีอิทธิพลจริง อีกทั้งเมื่อปี 2565 หลังจากนายอารีย์ถูกจับกุม มีนายทหารนอกราชการชื่อดังปรากฏตัวในเครื่องแบบเข้าไปยังสำนักงานเทศบาล ต.บวกค้าง ข่มขู่นายก เทศมนตรีขณะนั้นไม่ให้ไปยุ่งกับบ่อดินเถื่อนแห่งนี้

มีรายงานด้วยว่า นายอารีย์สามารถเอาหนังสือร้องเรียนของประชาชนเกี่ยวกับกิจการบ่อดินเถื่อน มาฟ้องกลับชาวบ้านฐานหมิ่นประมาทได้ถึง 13 คนเพื่อเป็นการปิดปาก ถึงต่อมาศาลยกฟ้องแต่ทำให้ชาวบ้านเห็นว่าเอกสารร้องเรียนที่ปกติจะเป็นเอกสารลับ ผู้ต้องหายังสามารถเอามาได้ แต่ยังมีชาวบ้าน บางคนฮึดสู้พยายามร้องเรียนผ่าน สส.พรรคเพื่อไทยและก้าวไกล (ประชาชน) รวมถึงส่งหนังสือร้องเรียนรัฐมนตรีหลายคน แต่ไม่มีการตอบกลับหรือแก้ไข ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเรื่อยมา และเสื่อมศรัทธาต่อระบบยุติธรรมกับเจ้าหน้าที่รัฐ จึงรวบรวมข้อมูลร้องทุกข์มายังกองปราบปรามเข้าดำเนินการกับบ่อดินอิทธิพลแห่งนี้

หลังรับเรื่องราวร้องทุกข์ ตำรวจ กก.4. บก.ป.นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบทันที นายอารีย์ขับรถกระบะมาจอดรอด้านหน้าบ่อดิน มีลูกน้องชาวเมียนมา 2 คน ที่ลักลอบเข้าเมืองนั่งมาด้วย ระหว่างการตรวจค้นคนงานบางส่วนยังกล้าพยายามขัดขวาง นำรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถกระบะมาปิดกั้นทางเข้าออกทั้ง 3 ด้านของบ่อดิน เพื่อเปิดทางให้คนงานที่คาดว่าเป็นคนต่างด้าว 5 คน หลบหนีออกทางด้านหลัง แต่ชุดจับกุมส่งโดรนขึ้นบันทึกภาพจากมุมสูงไว้ได้ ทั้งตอนคนงานขับรถมาขวางรถตำรวจ และขณะรถแบ็กโฮกำลังทำงานตักดินใส่รถบรรทุกไปขายเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ชุดจับกุมตรวจสอบพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียดพบว่า ประกอบกิจการขุดดินอย่างเป็นระบบ มีรถแบ็กโฮทำงานในบ่อดิน 2 คัน รถบรรทุกดินรอขนถ่ายอีก 3 คัน มีกล้องวงจรปิดที่ป้อมเสมียนบันทึกคิวรถเข้า-ออก บัญชีรายชื่อพนักงาน และเอกสารแสดงรายการการขนส่งดิน เบื้องต้นควบคุมตัวนายอารีย์และลูกน้องต่างด้าวรวม 3 คน มาสอบปากคำ นายอารีย์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนคนงานชาวเมียนมา 2 คน ให้การรับสารภาพ

แจ้งนายอารีย์ 8 ข้อหาประกอบด้วย ข้อหาร่วมกันทำการขุดดินโดยมีความลึกจากระดับพื้นดินเกิน 3 เมตรโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นเรื่องให้หยุดทำการขุดดินฯ ข้อหาร่วมกันตั้งโรงงานจำพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ข้อหาร่วมกันประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ข้อหาร่วมกันประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพฯ ข้อหาต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานฯ ข้อหาให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือคนต่างด้าวฯ และข้อหารับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ส่วนแรงงานชาวเมียนมา 2 คน ถูกแจ้งข้อหาเป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันกำแพง ดำเนินคดี

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่