สัตวแพทย์คลินิก อัปเดตอาการ "เลียงผา" ขาเจ็บ กินอาหารได้-แต่ยังคงอ่อนเพลีย จ่อส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.สัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ที่มีอุปกรณ์เครื่องมือมากกว่า

จากกรณี เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวพบ "เลียงผา" สัตว์ป่าสงวนถูกยิงบาดเจ็บ โร่แจ้งความ สภ.เชียงดาว สืบหาคนทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (เจ้าหน้าที่พบ "เลียงผา" สัตว์ป่าสงวนถูกยิงบาดเจ็บ โร่แจ้งความหาคนทำมาดำเนินคดี)

ความคืบหน้าล่าสุด นายสัตวแพทย์บุรฉัตร ตันประดิษฐ์ สัตวแพทย์คลินิกสัตว์ป่า ระบุว่า จนถึงขณะนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าบาดแผลที่พบบริเวณต้นขาด้านหลังทั้งสองข้างของเลียงผา เกิดจากการถูกยิง หรือเกิดจากสาเหตุอื่น และยังไม่สามารถตรวจได้ว่ามีไมโครชิพหรือไม่ เนื่องจากเลียงผาเป็นสัตว์กีบตระกูลกวางที่เปราะบาง หากเข้าไปตรวจร่างกายอาจทำให้เครียดหรือตกใจมาก เสี่ยงเกิดภาวะเลือดเป็นกรดที่ทำให้ตายได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้จึงทำได้เพียงให้ยาแก้ปวด

อาการล่าสุดตอนนี้ยังคงอ่อนเพลีย แต่น่าแปลกที่มันดูเชื่องและตื่นคนไม่มากนัก หากเทียบกับสัตว์ป่าทั่วไปและยังกินอาหารได้ค่อนข้างดีผิดวิสัยสัตว์ป่า ทำให้มีข้อสังเกตว่ามันอาจจะเคยถูกเลี้ยงในกรงหรือเคยมีคนให้อาหารมันมาก่อน เพราะโดยปกติแล้วหากเป็นสัตว์ป่าแท้ๆ จะตื่นกลัวคนมากกว่านี้จนถึงขั้นช็อกตายไปแล้ว

สำหรับแนวทางการรักษา ในวันสองวันนี้ เลียงผาจะถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งเป็นสถานพยาบาลสัตว์ในกำกับดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่มีอุปกรณ์เครื่องมือมากกว่าคลินิกสัตว์ป่า ที่เป็นคลินิกขนาดเล็ก โดยจะมีการวางยาสลบและเอ็กซเรย์ตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อให้การรักษา

...

นายกฤตภาส ขันทะธงสกุลดี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เปิดเผยว่า หลังการรักษาจะต้องประเมินว่าเลียงผาตัวนี้แข็งแรงพอที่จะกลับไปใช้ชีวิตตามธรรมชาติได้อย่างปลอดภัยในถิ่นที่อยู่เดิมได้หรือไม่ หากไม่ได้ ก็จะต้องส่งไปเลี้ยงดูต่อที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าอมก๋อยไปตลอดชีวิตของมัน

จากการสำรวจพบปัจจุบันในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว มีเลียงผาหลงเหลืออยู่น้อยมากไม่ถึง 100 ตัว สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะพื้นที่หากินและถิ่นที่อยู่อาศัยถูกคุกคาม เนื่องจากเขตพื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวมีชุมชนอาศัยอยู่และมีพื้นที่กว้างกว่า 3 แสนไร่ ทำให้มีโอกาสที่ชาวบ้านที่มีความชำนาญพื้นที่จะลักลอบล่าสัตว์ แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามลาดตระเวนป้องกันอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นจะมีการสืบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิด เบื้องต้นพอจะทราบข้อมูลแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเป็นพยานหลักฐานให้ตำรวจดำเนินคดี โดยเลียงผาเป็นสัตว์ป่าสงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ผู้ใดล่าเลียงผามีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 300,000 บาท ถึง 1,500,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ การล่าสัตว์ป่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เป็นความผิดตามกฎหมายมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นโทษหนัก

นอกจากนี้ ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวได้เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนตามถิ่นอาศัยของเลียงผาและสัตว์ป่าหายาก เพื่อป้องกันการถูกคุกคาม รวมทั้งใช้ภาคีเครือข่ายชาวบ้านเป็นกลไกสร้างความร่วมมือในการป้องกันสัตว์ป่าและทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีบางคนที่มีพฤติกรรมฝ่าฝืน