"เชียงใหม่" มีคนส่งภาพฉาวแฉพฤติกรรม "เจ้าอาวาส" วัดแห่งหนึ่งในจังหวัด "เปิดฮาเร็ม" ออดอ้อนเด็กหนุ่มในกุฏิ ชาวบ้านยอมรับดูไม่เหมาะสม แต่รับได้หากไม่เกินเลย ขณะที่รองสภาวัฒนธรรมจังหวัดฯ ชี้อาจไม่ผิดวินัยสงฆ์ร้ายแรงถึงขั้นปาราชิก ด้าน พศ.เตรียมประสานคณะปกครองสงฆ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีพระสงฆ์รูปหนึ่งมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ถูกส่งภาพมาสื่อมวลชนตรวจสอบ เป็นภาพเด็กชายวัยรุ่นอายุน้อยหลายคน ที่ถูกพระรูปนี้ทั้งกอดทั้งหอม บางภาพนอนกอดกันบนเตียงอย่างใกล้ชิดเกินงาม โดยเด็กบางคนยังอยู่ในชุดนักเรียน คาดว่าสถานที่ในภาพน่าจะเป็นภายในกุฏิวัด ซึ่งผู้ร้องเรียนระบุว่า พระรูปนี้เป็นพระระดับเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ เพราะมองว่าพฤติกรรมดังกล่าว สร้างความเสื่อมเสียให้พระพุทธศาสนา

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ จากการสอบถามชาวบ้านใกล้วัดดังกล่าว ทราบว่าพระรูปนี้อยู่ที่วัดมานานเกือบ 20 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้เป็นรองเจ้าอาวาส และขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาสแทนเจ้าอาวาสรูปเดิมที่มรณภาพไปเมื่อหลายปีก่อน เป็นที่ทราบกันดีของชาวบ้านว่า เจ้าอาวาสมีลักษณะท่าทางตุ้งติ้ง ซึ่งที่วัดมีพระและเณร 5 รูป และมีเด็กวัดเป็นเด็กชายวัยรุ่นจำนวนหนึ่ง ที่ผ่านมามักจะมีเด็กวัยรุ่นในชุมชนใกล้วัด แวะเวียนเข้าไปที่วัดเป็นประจำ แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าไปทำอะไร แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรเสื่อมเสียเกิดขึ้น

ส่วนภาพที่ถูกนำออกมาร้องเรียน ชาวบ้านยอมรับว่าดูไม่เหมาะสม และมองได้หลายมุม หากเป็นเด็กที่เข้าไปและยอมให้พระกอด หรือหอมแก้มแลกกับเงินค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น ก็มองว่าไม่ได้ร้ายแรง เพราะต้องยอมรับว่าพระในหลายวัดก็เป็นแบบนี้ แต่หากเกินเลยก็เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ หากการร้องเรียนนำไปสู่การตรวจสอบ ก็น่าจะเป็นเรื่องดีกับทุกฝ่าย

...

นอกจากนี้ ชาวบ้านยังบอกอีกว่า แม้จะมีพฤติกรรมออกตุ๊ดแต๋ว แต่เจ้าอาวาสก็เป็นนักพัฒนารูปหนึ่ง ทำให้วัดเป็นจุดศูนย์รวมของศรัทธาชาวบ้านได้เป็นอย่างดี

ด้าน นายวัลลภ นามวงศ์พรหม รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ฝ่ายศาสนาและวัฒนธรรม กล่าวว่า จากภาพดูแล้วอาจไม่ผิดวินัยสงฆ์ร้ายแรงถึงขั้นปาราชิก แต่อาจดูไม่เหมาะสมกับสมณสารูป เป็นโลกวัชชะ คือ เป็นการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม และเป็นสิ่งที่ชาวโลกตำหนิติเตียนว่าไม่เหมาะไม่ควรแก่สมณะ แต่เมื่อถูกสังคมตำหนิหรือร้องเรียนมา ก็ควรต้องมีการตรวจสอบเพื่อความกระจ่าง และดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในส่วนของฝ่ายปกครองคณะสงฆ์

ส่วนเรื่องที่ถูกร้องเรียนครั้งนี้ อาจมีหลายสาเหตุ เช่น ความขัดแย้งในวงการผ้าเหลือง แย่งเด็ก หึงหวงเด็ก ขัดผลประโยชน์ภายในวัด หรือแม้กระทั่งร้องเรียนด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่โดยพฤตินัยก็ต้องยอมรับว่า พฤติกรรมของสมณเพศในลักษณะนี้มีมากและมีมานาน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเลี้ยงดูเด็กบ้าน เด็กวัด คนขับรถ ถึงขั้นอวดเด็กกันก็มี แต่เป็นเรื่องภายในที่ไม่มีใครรู้เห็น จึงถือว่ายกประโยชน์ให้จำเลย

ขณะที่ นางอารีย์ พันธ์ุจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จะประสานไปยังคณะสังฆาธิการ พร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมขอบคุณประชาชนและสื่อมวลชนที่ช่วยกันสอดส่องดูแลพระพุทธศาสนา ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้นั้น จะเป็นเรื่องของคณะปกครองสงฆ์ ที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาวินัยสงฆ์ ในส่วน พศ.จะเป็นหน่วยงานสนับสนุนและประสานงานตามอำนาจหน้าที่ต่อไป