เกิดเหตุระหว่างพระหลวงปู่ที่ทุ่งเสลี่ยม สุโขทัย กับเด็กเข้าไปเล่นในวัด ถูกชักชวนไปลองพระ "สมเด็จปาฏิหาริย์" ที่หลวงปู่ปลุกเสก โดยให้กำพระแล้วหลวงปู่ราดน้ำกรดที่มือ ปรากฏว่ามือเป็นแผลพุพอง ผู้ปกครองเข้าแจ้งความเอาเรื่อง


จากกรณีที่เป็นกระแสในโลกโซเชียล ผู้ใช้เฟซบุ๊ก กินเที่ยวสุโขทัย ได้โพสต์ว่า "วันนี้มีเหตุวุ่นวายที่วัดเขาแร่ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย เมื่อผู้ปกครองเด็กวัย 13 ปี ไปแจ้งความที่ สภ.ทุ่งเสลี่ยม ว่ามีพระรูปหนึ่งในวัดเขาแร่ ลองของด้วยการให้เด็กกำวัตถุมงคลเอาไว้ในมือ แล้วเอาน้ำกรดราดมือเด็ก โดยให้ค่าจ้างให้กับเด็ก 200 บาท แลกกับการลองของ  

เมื่อตำรวจเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ปรากฏว่าพระรูปดังกล่าวไม่ยอมออกมาพูดคุยกับผู้ปกครองเด็ก และมีลูกศิษย์มารับผิดแทน โดยบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง ทั้งค่าเสียหาย และการรักษาจนกว่ามือเด็กจะหาย แต่การพูดคุยเจรจาดังกล่าวไม่ได้ข้อยุติ เพราะผู้ปกครองเด็กต้องการให้พระรูปที่ทำออกมารับผิดชอบด้วยตัวเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการนัดให้ผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายไปพบที่สถานีตำรวจภูธรทุ่งเสลี่ยม ในวันพรุ่งนี้ (1 พ.ค.) เวลา 09.00 น."


ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ได้จากพ่อเด็กอายุ 13 ปี มีเด็กจำนวน 4-5 คน ตกเป็นเหยื่อลองของพระรูปดังกล่าว โดยผู้ปกครองเด็กอายุ 13 ปี กล่าวว่า ทราบจากลูกศิษย์พระว่าพระรูปดังกล่าวได้ทำของขลัง และนำมาลองกับตัวแล้วไม่เป็นไร เลยให้เด็กๆ 5 คนมาลองของดู ซึ่งของขลังเป็นลักษณะพระผงรูปคล้ายพระสมเด็จและสมเด็จโต ใส่กรอบพลาสติก ซึ่งลูกชายของตนได้รับบาดเจ็บที่หลังมือ มีรอยแผลพุพอง ซึ่งคิดว่าการกระทำแบบนี้ไม่เหมาะสม และจะเอาเรื่องพระที่ก่อเหตุให้ถึงที่สุด


ผู้โพสต์รายดังกล่าวยังให้ข้อคิดในมุมมองของตนเองว่า "ในมุมมองส่วนตัวของผมนะครับ กรณีนี้ผู้เสียหายสามารถดำเนินคดี พร้อมกับเรียกค่าเสียหายได้ด้วยครับ เรื่องนี้สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ไหม ผมว่าก็ได้นะครับ (ถ้าไม่เป็นกระแสข่าว) แต่ผมไม่เห็นด้วยที่จะไกล่เกลี่ย ผมคิดว่าเราควรทำให้สังคมเกิดความตรงไปตรงมาเสียที และให้รู้ผิดชอบชั่วดีมากกว่านี้ คนทำผิดไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม ก็ควรออกมารับผิด ขอโทษด้วยตัวเอง และก็ต้องไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้อีก ไม่ใช่หาแพะมารับแทนแบบนี้ ถ้าปล่อยไปเวลามีเรื่องราวแบบนี้คนทำผิดก็ลอยนวลไปได้ตลอด เพียงแค่มีเงิน มีอำนาจ #พระราดน้ำกรด #วัดเขาแร่ #ลองของ #ทุ่งเสลี่ยม"

...

หลังจากที่มีการโพสต์ข้อมูลดังกล่าว มีผู้เข้ามาแชร์ข้อมูลไปเป็นจำนวนมาก และอยากให้พระที่เป็นคนลงมือทดลองของขลัง ออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย

ล่าสุด เวลา 09.00 น. วันที่ 1 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดเขาแร่ ต.บ้านใหม่ไชยมงคล อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย พบบริเวณวัดมีกลุ่มลูกศิษย์และชาวบ้านบางส่วน จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ไม่พอใจกับข่าวที่แชร์กันออกไป เนื่องจากถูกชาวเน็ตด่าทอให้เสียหาย ก่อนที่ทั้งหมดพร้อมด้วยพระบุญส่ง อายุ 70 ปี ที่ตกเป็นข่าว เดินทางไปยัง สภ.ทุ่งเสลี่ยม ตามที่เจ้าหน้าที่นัดหมาย เมื่อไปถึงพบกับผู้ปกครอง เด็กผู้เสียหาย และเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก จ.สุโขทัย พัฒนาสังคมและความมั่นคง จ.สุโขทัย และพระผู้ใหญ่ของ อ.ทุ่งเสลี่ยม พากันเข้าไปพูดคุยกันในห้องไกล่เกลี่ยของโรงพัก 


พ.ต.อ.นิคม พรมพิราม ผกก. เปิดเผยว่า สภ.ทุ่งเสลี่ยม วันนี้มีการพูดคุยกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน โดยหลังจากผู้ปกครองนำเด็กผู้เสียหายเข้าแจ้งความ พนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานไว้ เพื่อประสานสหวิชาชีพเข้ามาร่วมสอบถามเด็ก ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เนื่องจากผู้เสียหายมีหลายคน แต่จะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนทางด้านสงฆ์ ทางพระผู้ใหญ่ได้นำเรื่องรายงานในระดับสูงแล้ว ซึ่งจะมีการตั้งคณะสอบสวนโดยละเอียดและดำเนินการในส่วนของสงฆ์ ทั้งหมดพึงพอใจจึงแยกย้ายกันกลับ


ด.ช.โป้ง (นามสมมติ) อายุ 13 ปี เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ตนกับเพื่อนเข้าไปเล่นในวัด เนื่องจากเพื่อนบวชเป็นสามเณรอยู่ เจอรุ่นพี่ชักชวนว่ามีเครื่องรางของขลัง ช่วยให้แคล้วคลาด ปลอดภัย ใครอยากลองจะมีเงินให้ 200 บาท พวกตนอยากได้เงิน จึงเข้าไปในกุฏิหลวงตาบุญส่ง หลวงตาจึงมอบพระสมเด็จปาฏิหาริย์ให้คนละองค์ แล้วใช้น้ำกรดราดที่หลังมือ ตนรู้สึกปวดแสบปวดร้อน และหลังมือไหม้ ต่อมาเป็นแผลพุพอง จนผู้ปกครองรู้ข่าวจึงพามาแจ้งความ 


ด้านนางนงค์ (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ป้าของ 1 ในเด็กผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลานชายตนอายุ 13 ปี อาศัยอยู่กับปู่และย่า เนื่องจากพ่อแม่ไปทำงานต่างจังหวัด ซึ่งย่าสังเกตเห็นแผลไหม้พุพองที่หลังมือของหลานขณะดื่มน้ำ จึงสอบถามหลานบอกว่าพระเอาน้ำกรดราด จึงรีบโทรแจ้งพ่อแม่หลานแล้วพาเข้าแจ้งความ


อย่างไรก็ตาม บรรดาลูกศิษย์ที่เคารพศรัทธาหลวงปู่ฯ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเครื่องรางของหลวงพ่อมีความศักดิ์สิทธิ์จริง เนื่องจากตนเองก็เคยลองของแบบนี้เช่นกันเมื่อหลายปีก่อน ไม่ปรากฏว่าจะมีบาดแผลใดๆ และก็ยังคล้องคอบูชาอยู่จนทุกวันนี้