"ผู้การหนึ่ง" เผย "กองทัพอากาศ" พร้อมรับเครื่องบิน AT-6TH เข้าประจำการ "กองบิน 41" จำนวน 2 ลำแรก ในเดือน มิ.ย.นี้ เพื่อเสริมศักยภาพ กำลังทางอากาศ ดูแลอธิปไตยน่านฟ้าไทย ย้ำเป็นเครื่องแบบโจมตีเบา เหมาะในภูมิประเทศภาคเหนือ ที่มีแนวชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน ใช้ในการลาดตระเวน และสนับสนุนภาคพื้นดินของทหารราบ
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 67 ที่ กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ น.อ.ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 (ผบ.บน.41) แถลงถึงความพร้อมของการนำเครื่องบิน AT-6TH เข้าประจำการฝูงบิน 411 ว่า กองทัพอากาศได้สั่งซื้อเครื่องบินดังกล่าว จำนวน 8 ลำ ตามงบประมาณผูกพัน ปี 2564-2568 รวมมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งเครื่องบินดังกล่าว เป็นเครื่องบินรบ ใบพัดแบบขับไล่ ที่มีความเร็ว 250-300 นอต หรือความเร็วไม่สูงมากโดยมีแผนเข้าประจำการที่กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ จำนวน 2 ลำ ในช่วงมิถุนายนนี้ และจะเข้าประจำการครบทุกลำ ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งกองบิน 41 ได้ส่งนักบินชุดแรกไปฝึกซ้อมที่สหรัฐอเมริกา ก่อนรับเครื่องบินดังกล่าวเข้าประจำการฝูงบิน ตามลำดับ
...
"เครื่องบินดังกล่าวเป็นเครื่องบินโจมตีเบา เหมาะสมกับภูมิประเทศภาคเหนือ ที่มีแนวชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อใช้ลาดตระเวนและสนับสนุนบนภาคพื้นดินของทหารราบ เนื่องจากมีความเร็วไม่สูงมากนัก สามารถบินได้นาน 4 ชั่วโมงครึ่ง โดยมีศูนย์บำรุงอากาศยานที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ดูแลและบำรุงรักษา ภายใต้ความร่วมมือการพัฒนาด้านเทคโนโลยีกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะระบบซอฟต์แวร์เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการบินภายในประเทศด้วย" น.อ.ปรธรกล่าว
ผบ.บน.41 กล่าวด้วยว่า เครื่องบินรบดังกล่าวจะเข้ามาบรรจุประจำการเพื่อทดแทนฝูงบิน L39 ที่ปลดประจำการแล้ว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถป้องกันประเทศ และรักษาอธิปไตยของชาติ ซึ่งเครื่องบินดังกล่าว มีอายุการใช้งานกว่า 30 ปี มีค่าบำรุงรักษาน้อยสามารถประหยัดงบประมาณได้มากขึ้น
ส่วนข้อสงสัยว่าเป็นเครื่องบินรบใบพัดสามารถต่อกรกับเครื่องบินไอพ่นเพื่อนบ้านได้หรือไม่ โดยเฉพาะ MIG 29 ที่ผลิตในรัสเซีย หากต้องเผชิญหน้าสงครามกลางเวหา ก็ขอยอมว่า กองทัพอากาศ มีเครื่องบินรบไอพ่นแบบขับไล่ อาทิ F-16 คอยคุมเครื่องบินดังกล่าวอยู่แล้ว พร้อมปกป้องคุ้มครองอธิปไตย ไม่ให้ศัตรูรุกราน หรือฝ่ายตรงข้ามล่วงล้ำเข้ามาอีก จึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องดังกล่าวมากนัก เพราะต้องปฏิบัติตามสถานการณ์ และกฎการปะทะตามสากลอยู่แล้ว
"ดังนั้นอยากให้ประชาชนเชื่อมั่นขีดความสามารถกองทัพอากาศ และเหล่าทัพ เพื่อสร้างความมั่นใจและอุ่นใจในการปกป้อง รักษาความมั่นคงและความสงบของประเทศด้วย" น.อ.ปรธรกล่าว.