ชาวบ้านบางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เศร้าใจ หลังเกิดเหตุไฟไหม้ศาลาการเปรียญไม้สัก 2 ชั้นขนาดใหญ่ ที่สวยงามที่สุด ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของอำเภอ วอดทั้งหลัง ตำรวจเร่งสาเหตุเพลิง
เวลา 03.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. 2566 พ.ต.ท.สิทิศักดิ์ ธรรมสุขสรรค์ สว.(สอบสวน) สภ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ศาลาการเปรียญภายในวัดห้วยแก้ว เลขที่ 30 หมู่ที่ 4 บ้านห้วยแก้ว ต.บางกระทุ่ม จึงประสานขอรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลบางกระทุ่ม และองค์การบริหารส่วนปก

ครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียงไปช่วยดับไฟ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุเมธ สุนะ ผกก.สภ.บางกระทุ่ม
พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้ศาลาการเปรียญทรงไทย 2 ชั้น ที่สร้างจากไม้สักทั้งหลังอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 1 ชม. จึงสามารถสกัดไม่ให้ไฟลุกลามไปยังกุฏิพระสงฆ์และอุโบสถ รวมทั้งเมรุที่อยู่ใกล้เคียงได้ เบื้องต้นไม่มีผู้ใดเสียชีวิต มีเพียงพระสงฆ์ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่แขนข้างซ้าย 1 รูป รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ผค 7014 พิษณุโลก ถูกไฟไหม้เสียหาย และมีศพชาวบ้านที่ตั้งสวดอภิธรรมเป็นคืนสุดท้าย จำนวน 1 ศพ
...

สอบสวนทราบว่า เวลาประมาณ 02.30 น. มีคนได้ยินเสียงดังคล้ายหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดภายในศาลาวัดห้วยแก้ว แล้วต่อมาเวลาประมาณ 02.45 น. เกิดประกายไฟขึ้นภายในศาลา แล้วไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว เนื่องจากศาลาสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง เบื้องต้นคาดสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างประเมิน

สำหรับ วัดห้วยแก้ว อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เป็นวัดเก่าแก่ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างขึ้นเป็นวัดตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2466 ประชาชนร่วมใจกันจัดสร้าง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งหลัง วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 จุดเด่นของวัดห้วยแก้ว คือ ศาลาการเปรียญไม้สักทรงไทย 2 ชั้น (หลังที่เพลิงไหม้) สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2551 บานประตูหน้าต่างแกะสลักเทพเจ้าต่างๆ มีพระประธานบนศาลาเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักจากไม้ประดู่ ขนาดหน้าตัก 19 เมตร และแกะสลักจากไม้สักทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 1.5 เมตร ภายในศาลาแกะสลักด้วยลวดลายที่มีความสวยงามวิจิตรอลังการเป็นอย่างมาก คาดว่าเป็นศาลาไม้สักที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันมี พระครูสุนทรกิตติรัต หรือพระครูยูร เป็นเจ้าอาวาสวัด