มทภ. 3 ขานรับนโยบายรัฐบาล จ่อตั้งศูนย์บัญชาการสกัดกั้นป้องกันปราบปรามยาเสพติด พร้อมสั่งหน่วยทหารในสังกัดให้สกัดกั้น ดูแลอย่างจริงจัง และขอความร่วมมือประชาชน ไม่สนับสนุน ไม่ส่งเสริม อย่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนค้ายานรก

เมื่อวันที่ 7 พ.ย.66 พล.ท.ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงกรณีที่ นายกฯ ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้ประกาศในบางพื้นที่ให้มีระยะเวลาในการปราบปรามระยะเวลา 1 ปี โดยจะตั้งศูนย์บัญชาการสกัดกั้นป้องกันปราบปรามยาเสพติด รวมทั้งสารตั้งต้น สกัดทางภาคเหนือ ซึ่งจะมี จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย 11 อำเภอ และภาคอีสาน จ.นครพนม อีก 4 อำเภอ โดยเจ้าหน้าที่จะคุมเข้มให้มีประสิทธิภาพ เอกภาพ ทั้งด้านการข่าวและการร่วมมือกัน ทางกองทัพภาคที่ 3 ได้มอบให้แม่ทัพน้อยที่ 3 ในการดูแลปัญหายาเสพติดในพื้นที่ 


แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมในการมอบนโยบายของกองทัพภาคที่ 3 เกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดสำหรับปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือเป็นปัญหาที่ทางรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยภาพรวมของทั้งประเทศ  จะเห็นว่าภาพที่ออกทางสื่อต่างๆ จะมีเยาวชนและพี่น้องประชาชนได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและส่งผลกระทบเกี่ยวกับทางด้านความรุนแรง การเกิดปัญหาอาชญากรรมต่างๆ รวมทั้งการทำร้ายตัวเอง ซึ่งทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญโดยได้มอบหมายให้ทาง รมว.ยุติธรรม ลงมาในพื้นที่เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมาโดยร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น ปปส. บช.ปส. และหน่วยงานทหารซึ่งเราจะบูรณาการร่วมกันในการร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องการนำสารตั้งต้นลำลักลอบจากฝั่งไทย ไปเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดแล้ว ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ากลับมายังฝั่งไทยเพื่อจำหน่าย หรือนำส่งไปยังประเทศต่างๆ หน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามทำให้ดีที่สุดในการสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้ลักลอบเข้ามาในพื้นที่ยังฝั่งไทย ไม่ว่าในพื้นที่ภูมิภาคใดๆ ก็ตามของประเทศ ซึ่งทางรัฐมนตรีได้มอบนโยบายว่าเราจะมีการร่วมมือกันอย่างจริงจัง

...


สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเหนือ พบว่าพื้นที่ทางภาคเหนือตอนบน เราสามารถจับยาเสพติดได้หลักล้านเม็ดได้ 3-4 ครั้งในรอบปีนี้ เนื่องจากพื้นที่มีความเข้มทางด้านการข่าวและความร่วมมือกันอย่างจริงจัง ทั้งทางด้านจังหวัดเชียงใหม่จังหวัดเชียงราย เพื่อลักลอบไปยังพื้นที่ภาคอื่นๆ เช่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น อย่างไรก็ตามเราต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ประชาชนต้องไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่สนับสนุน ไม่ส่งเสริม หรือมีเบาะแสไม่ชอบมาพากลต่างๆ ก็ให้รีบแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ตลอดเวลา ที่สำคัญประชาชนทุกคนอย่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด หรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนน้อยร่วมกระบวนการ เป็นผู้ว่าจ้าง หากจับได้จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที