อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล แบบบัญชีรายชื่อ แกนนำคณะราษฎรภาคเหนือตอนล่าง ทำโพลกับนักเรียนที่พิษณุโลก ถามอยากให้ ส.ว.โหวตแบบไหน โดยมี 2 ช่องให้เลือก คือ “เอกสิทธิ์ส่วนบุคคล” และ “มติเสียงข้างมากของประชาชน” ปรากฏว่านักเรียนต่างติดสติกเกอร์ในช่องมติเสียงข้างมากของประชาชน
เวลา 16.00 น. วันที่ 12 ก.ค. นายปุณณเมธ อ้นอารี อดีตผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่ออันดับที่ 79 พรรคก้าวไกล และแกนนำคณะราษฎรภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งได้ลงข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า “อย่ารอคอย อ้อนวอน ความหวัง แต่จงเป็นความหวังของกันและกัน เราไม่อาจปฏิเสธรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้ บทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ให้อำนาจ ส.ว. โหวตนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้งได้ถึง 5 ปี เท่ากับว่า 2 สมัยติดต่อกัน วันนี้เราเห็นแล้วว่าเสียงส่วนใหญ่ของประเทศต้องการโหวตให้ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย ประชาชนทุกคนสามารถแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่างๆ ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ หรือเขียนข้อความบนกระดาษแล้วถ่ายรูปลงโซเชียล หรือจะพิมพ์ข้อความสั้น ๆ บนโซเชียลก็ได้เช่นกัน เป็นต้น ถ้าเราทุกคนร่วมส่ง #พลังของประชาชน ออกมาให้มากที่สุดเพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาชน และเป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ความหวัง ความฝันของพวกเราเป็นจริงได้อย่างแน่นอน หรือมาร่วมยืนแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ลานหอนาฬิกา จังหวัดพิษณุโลก วันที่ 12 ก.ค. 66 เวลา 17.00 น. ได้เช่นกัน แล้วเจอกันครับ”
...
โดยนายปุณณเมธ ได้เดินมาถือป้ายเขียนข้อความว่า อยากให้ ส.ว.โหวต แบบไหน พร้อมแจกสติกเกอร์ให้นักเรียนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นโดยแปะในช่องที่แบ่งออกเป็นสองช่องคือ เอกสิทธิ์ส่วนบุคคล และมติเสียงข้างมากของประชาชน ปรากฏว่านักเรียนต่างติดสติกเกอร์ในช่องมติเสียงข้างมากของประชาชนเป็นส่วนใหญ่
นายปุณณเมธ อ้นอารี ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นกิจกรรมเล็กๆ เพื่อแสดงการเคลื่อนไหวทางการเมือง เรามาสำรวจโพลกับน้องๆ โรงเรียนหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้น้องๆ แสดงออกความคิดเห็นทางการเมือง และคาดหวังกับอนาคตของประเทศที่เขาจะต้องเผชิญในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะสะท้อนเจตนารมณ์ของประเทศไทย แต่สุดท้ายเราก็ต้องติดเงื่อนไขของ ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้ง 250 คนของ คสช. ที่เราปฏิเสธไม่ได้มาจากการสืบทอดการรัฐประหารในปี 57 วันนี้เราพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนออกมาแสดงความคิดเห็นและแสดงออกให้มากที่สุด หลังกิจกรรมทำโพลเสร็จสิ้น 17.00 น.เราจะมายืนแสดงออกที่บริเวณหอนาฬิกากลางเมืองพิษณุโลก เพื่อแสดงออกว่า วันที่ 13 ก.ค. ส.ว.ต้องโหวตตามมติเสียงของประชาชน
“ท่านไม่สามารถปฏิเสธอย่างอื่นได้ การที่ท่านเลือกจะเอกสิทธิ์ส่วนบุคคลในการตัดสินใจนั้น ท่านเลือกไปแล้วเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว การตัดสินใจในฐานะ ส.ว.ท่านไม่สามารถจะใช้ทัศนคติส่วนบุคคลในการตัดสินได้แล้วนะครับ ต้องเป็นไปตามมติเสียงข้างมากของประชาชน ตามหลักการคนเท่ากันหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง”