ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบประตูเมืองเชียงใหม่ พบ "อนุสาวรีย์ช้างเผือก" ทรุดโทรมหนัก-งาช้างหัก-กำแพงเสียหายจากรถชน สั่งสำนักศิลปากรที่ 7 เร่งซ่อมแซมทุกจุดก่อนฝนตกหนัก
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.66 นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน และ น.ส.นาตยา ภูศรี ผู้อำนวยการกลุ่มโบราณคดี ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจโบราณสถานสำคัญของเมืองเชียงใหม่ หลังจากเมื่อเดือน ก.ย. 2565 เกิดฝนตกหนักจนทำให้ดินทรุด ทำให้ประตูช้างเผือกพังลงมา อีกทั้งยังพบรอยร้าวเป็นแนวยาวที่ประตูสวนดอกอีก แต่ไม่เสียหายมาก เนื่องจากมีแรงดันจากคันดินช่วยพยุงเอาไว้ ต่างกับประตูช้างเผือกที่ไม่มีเนินดินช่วยพยุง
ทั้งนี้ หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบความเสียหาย จึงประสานกับเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อทำการซ่อมแซม ซึ่งได้มีการขุดเจาะ เย็บ และรัดดามเฝือกที่ประตูช้างเผือก และให้เจ้าหน้าที่ศิลปากรขุดสำรวจ ด้วยการใช้แรงคนเพื่อป้องกันความเสียหาย เพื่อค้นหาแนวทางตามหลักโบราณคดี ตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ที่จะเป็นข้อมูลในการออกแบบประตูช้างเผือกตามข้อเสนอต่างๆ โดยพร้อมรับฟังความเห็นภายใต้พื้นฐานข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ โดยสำนักศิลปากรที่ 7 จะนำข้อมูลที่ได้ไปสรุปและจะพิจารณาออกแบบให้เป็นน้ำพุเช่นเดิม หรือเป็นลานต่อไป
...
โดยในส่วนของอนุสาวรีย์ช้างเผือก (ข่วงช้าง) ที่มีอายุกว่า 600 ปีนั้น จากการสำรวจพบว่า มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ด้านขวาช้างเผือกชื่อว่า "พญาปราบเมืองมาร เมืองยักษ์" งาหัก โครงสร้างทรุดตัวเอียง จากสภาพที่เก่าแก่ตามอายุ และถูกรถชนกำแพง เช่นเดียวกับด้านซ้ายชื่อว่า "พญาปราบจักรวาล" ที่งาหักเช่นกัน มีสภาพเก่าแก่ตามอายุ มีลักษณะปูนร่อน มีการทาสีทับหลายครั้ง ทำให้เกิดสีร่อน โดยสำนักศิลปากรฯสามารถซ่อมแซมได้บางส่วน และจะประสานเทศบาลนครเชียงใหม่มาทำประตูเพื่อป้องกันคนเร่ร่อน และปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม เพื่อให้คนในชุมชนช่วยกันดูแล จะได้เป็นสถานที่เคารพศรัทธาของชาวเชียงใหม่ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า อนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของ จ.เชียงใหม่ จากแผ่นจารึกระบุว่า สร้างในสมัยพญาแสนเมืองมา กษัตริย์ลำดับที่ 9 ของล้านนาไทย ระหว่าง พ.ศ.1931-1954 โดยมหาดเล็กชื่ออ้ายออบและอ้ายยี่ระ ซึ่งได้ช่วยเหลือพญาแสนเมืองมาโดยผลัดกันแบกพระองค์ให้พ้นอันตรายจากการโจมตีของกองทัพสุโขทัย กษัตริย์ล้านนาได้ปูนบำเหน็จมหาดเล็กทั้งสองให้เป็นช้างซ้ายขวา หรือขุนช้างซ้าย ขุนช้างขวา โดยขุนช้างทั้งสองตั้งบ้านเรือนอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเชียงโฉม ซึ่งตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของเมืองเชียงใหม่