ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย 2 จังหวัดเดินหน้าร้อง กกต. ที่เพชรบูรณ์ "ชัยณรงค์ สืบสุรีย์กุล" นำหลักฐานยื่น ว่าที่ส.ส.พลังประชารัฐ แจกสิ่งของและเงินสดในห้วงเวลาที่ กกต.กำหนดห้าม ส.ส.แจกสิ่งของและเงินทอง ส่วนที่พิษณุโลก "จเด็ศ จันทรา" ขอให้ตรวจสอบการออกเสียงลงคะแนน หลังพบความผิดปกติเอกสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งเกือบ 40 หน่วย
วันที่ 30 พฤษภาคม 66 ที่สำนักงาน กกต.จังหวัดเพชรบูรณ์ นายชัยณรงค์ สืบสุรีย์กุล ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยเขต 2 ได้นำยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต.จังหวัดเพชรบูรณ์พร้อมนำคลิปวิดีโอและภาพนิ่งใส่แฟลชไดรฟ์แสดงหลักฐาน ว่า นายจักรัตน์ พั้วช่วย ว่าที่ ส.ส.จังหวัดเพชรบูรณ์ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ได้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยคำร้องระบุว่าขณะที่นายจักรัตน์ พั้วช่วย ขณะดำรงตำแหน่ง ส.ส.จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งโดยได้แจกสิ่งของและเงินสดในห้วงเวลาที่ คณะกรรมการเลือกตั้งได้กำหนดระยะเวลาห้าม ส.ส.แจกสิ่งของและเงินทอง และขอให้ กกต.สอบสวนการกระทำของนายจักรัตน์ พั้วช่วย ซึ่งมีความผิดชัดเจนที่เป็นหลักฐานทั้งภาพนิ่งและคลิปวิดีโอ ซึ่ง กกต.จะต้องพิจารณาและให้ความเป็นธรรมแก่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้ง และก่อนหน้านี้เขตเลือกตั้งที่ 3 ได้มีผู้สมัครจากพรรคก้าวไกลมายื่นคำร้องขอให้นับผลคะแนนการเลือกตั้งใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาจาก กกต.จังหวัดเพชรบูรณ์ และยังไม่มีผลการตัดสินใดๆ
ขณะเดียวกันที่ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดพิษณุโลก ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก นายจเด็ศ จันทรา ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 3 พิษณุโลก พร้อมทนายความ ได้นำเอกสารเข้าร้องเรียน กับ กกต. เพื่อขอให้มีการตรวจสอบการออกเสียงลงคะแนน และตรวจสอบการนับคะแนนใหม่ หลังจากพบความผิดปกติ ของหน่วยเลือกตั้ง ทั้งหมดเกือบ 40 หน่วยเลือกตั้ง จาก 266 หน่วยเลือกตั้ง และขอให้มีการเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่ 9 หน่วยเลือกตั้ง เนื่องจากหน่วยดังกล่าวอาจมีบัตรเขย่ง โดยมี น.ส.ภาพิตร ละอองเดช รองผู้อำนวยการ สนง.กกต.จ.พิษณุโลก และ นายธีรพงษ์ ฟองจางวาง หัวหน้าสืบสวนสอบสวนและพรรคการเมือง สนง.กกต.จ.พิษณุโลก รับเรื่องร้องเรียนไว้ ก่อนให้ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ขึ้นไปทำหนังสือร้องเรียนที่ชั้น 3 ฝ่ายสืบสวนสอบสวน และพรรคการเมือง เพื่อนำข้อร้องเรียนเสนอ กกต.จังหวัดพิษณุโลก พิจารณาตามลำดับชั้นต่อไป
...
นายจเด็ศ จันทรา เปิดเผยว่า สาเหตุที่มาร้องเรียนกับกกต.ในครั้งนี้ เรื่องแรก เนื่องจากเกิดเหตุความผิดปกติในการรับคะแนนตามที่ปรากฏในข่าว ว่ามีคนมาใช้สิทธิ์เกินจำนวน 131% เรื่องที่ 2. มีประชาชนมาแจ้งว่าในวันที่มีการเลือกตั้งประชาชนเข้าไปขอถ่ายรูปถ่ายวิดีโอที่หน่วยเลือกตั้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งแจ้งว่าไม่สามารถถ่ายรูปใดๆ ได้ เนื่องจากจากเราต้องการเพียงเข้าไปตรวจสอบการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ กกต.ว่านับคะแนนเป็นไปอย่างโปร่งใสหรือไม่ โดยอยู่นอกหน่วยไม่ได้เข้าไปวุ่นวายภายในหน่วยแต่อย่างใด เรื่องที่ 3 สังเกตเห็นความผิดปกติของหน่วยเลือกตั้งสูงถึง 40 หน่วย จาก 266 หน่วย ซึ่งมีจำนวนประมาณ 9 หน่วยเลือกตั้งที่มีปัญหาเรื่องบัตรเขย่ง ในวันนี้จึงได้เตรียมหลักฐานเป็นเอกสารเรื่องเกี่ยวกับความผิดปกติมายื่นให้กับทาง กกต.พิษณุโลก ว่ามีเหตุที่เราเชื่อว่าน่าจะเข้าข่ายบัตรเขย่ง เพื่อฝากให้ทางเจ้าหน้าที่ กกต.ช่วยตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดบัตรเขย่งหรือไม่
ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องของความผิดปกติที่เราพบ ซึ่งได้ระบุไว้ในหนังสือร้องเรียนแล้ว และเรื่องสุดท้ายคือพบว่ามีหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคการเมืองหนึ่ง ปล่อยให้ผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เข้าร่วมประชุม Primary vote โดยหลังจากที่มีการโหวตเรียบร้อยแล้ว ค่อยไปลาออกจากพรรคเก่าในวันรุ่งขึ้น ซึ่งได้ตั้งข้อสงสัยว่า Primary vote นี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่เห็นชอบด้วยกฎหมาย หัวหน้าพรรคและกรรมการพรรคจะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้เท่าที่ดูโทษอาจถึงขั้นตัดสิทธิ์ 5 ปี สำหรับการมาร้องเรียน ให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องบัตรเขย่งนั้น ถ้าเป็นไปตามการร้องเรียน หากพบว่าเข้าข่ายเป็นบัตรเขย่งจริง ก็อยากเรียกร้องขอให้ทาง กกต. ดำเนินการนับคะแนนใหม่ หรือทำการเลือกตั้งใหม่ ในหน่วยเลือกตั้งทั้ง 9 หน่วยเลือกตั้งที่ผิดปกติด้วย
ด้าน น.ส.ภาพิตร ละอองเดช รองผู้อำนวยการ สนง. กกต.จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า หลังจากเรารับเรื่องจากผู้สมัครแล้ว จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามข้อเท็จจริง ตามคำร้องคัดค้านที่ได้ยื่นเข้ามา โดยในวันนี้ทางงานสืบสวนสอบสวน จะทำเรื่องรับเรื่องร้องคัดค้านให้กับทางผู้ร้อง ส่วนข้อเท็จจริงว่าจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่หรือมีการนับคะแนนใหม่ เป็นเรื่องที่เราจะต้องสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นตามระเบียบ แล้วก็ทำเรื่องส่งไปให้ กกต.กลาง ตรวจสอบ ก่อนวินิจฉัยสั่งการลงมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบนานพอสมควร อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องของผู้ร้องดังกล่าวได้ขอให้มีการนับคะแนนใหม่ และขอให้มีการเลือกตั้งใหม่ในบางหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งการ กกต.ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงตามระเบียบอย่างละเอียด
สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 3 อำเภอวังทอง ทั้งอำเภอ 11 ตำบล และอำเภอเนินมะปรางทั้งอำเภอ 7 ตำบล เขตนี้ นายพงษ์มนู ทองหนัก พรรครวมไทยสร้างชาติ อดีต รองนายก อบจ.พิษณุโลก เข้ามาเป็นลำดับ 1 ด้วยคะแนน 22,765 คะแนน ชนะ นายจเด็ศ จันทรา พรรคเพื่อไทย ที่ได้ 21,969 คะแนน คะแนนห่างกันเพียง 796 คะแนน