ตำรวจเชียงใหม่ร่วมกับ บก. ตม. 5 ลุยกวาดล้างกลุ่มทุนจีนกว้านซื้อที่ดินสร้างหมู่บ้านจัดสรรโครงการใหญ่ มูลค่านับพันล้านบาท ใน อ.สันกำแพงให้คนไทยเป็นนอมินีถือหุ้นแทน เตรียมไว้รองรับเพื่อนร่วมชาติแดนมังกรแห่เข้ามาตั้งรกรากทำมาหากินในไทย จับกุมผู้ต้องหา 5 ราย มีทั้งชาวจีนและนอมินีคนไทย มีชาวจีนผู้ร่วมขบวนการเผ่นหนีออกนอกประเทศไปแล้ว 2 ราย และคนไทย 1 รายอยู่ระหว่างตามล่าตัว สั่งขยายผลยึดทรัพย์พร้อมลุยกวาดล้างหมู่บ้านหรูอีก 3 โครงการใหญ่ทำนิติกรรมอำพรางเช่ายาว 30 ปี

ปฏิบัติการกวาดล้างทุนจีนกว้านซื้อที่ดินสร้างหมู่บ้านจัดสรรใน จ.เชียงใหม่ เปิดเผยเมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 29 มี.ค. ที่ บก.ภ.จ.เชียงใหม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงผลจับกุมชาวจีนและนอมินีคนไทยประกอบกิจการบ้านจัดสรรมูลค่านับพันล้านบาท เป็นโครงการประเภทบ้านเดี่ยวและวิลล่าในพื้นที่ ต.สันกลาง อ.สันกำแพง มีทั้งหมด 195 ยูนิต รองรับกลุ่มคนจีนโดยเฉพาะ ราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ถึงกว่า 11 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ได้เรียกสำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ตม.เชียงใหม่ และฝ่ายปกครอง ประชุมเรื่องทุนจีนกว้านซื้อที่ดินใน อ.หางดง อ.สันทราย และ อ.สันกำแพง เพื่อสร้างบ้านจัดสรร เปิดร้านขายของและเปิดบริษัท ตลอดไปถึงซื้อโรงเรียนเพื่อให้คนจีนมาศึกษาต่อ มีคนไทยเป็นนอมินี

ล่าสุดตำรวจ บก.ภ.จ.เชียงใหม่ ร่วมกับ บก.ตม.5 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามจับกุมผู้ต้องหา 5 ราย คือ บริษัท ฟ้าหลวงการเกษตร จํากัด แจ้งข้อกล่าวหานางชิ่งฟาง หลี่ ชาวจีน เป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต นางชิ่งฟาง หลี่ ผู้ใช้ชื่อนางปาริชาติ ฟูอนันต์ ถือหุ้นแทนตนและเป็นกรรมการนอมินี นางปาริชาติ ฟูอนันต์ อายุ 64 ปี ชาว อ.เมืองเชียงใหม่ ที่ถูกนางชิ่งฟาง หลี่ ใช้ชื่อถือหุ้นและเป็นกรรมการนอมินี นายมานัส มาสกุล อายุ 60 ปี ชาว อ.เมืองเชียงใหม่ และ นายสัญชัย แซ่จาง ชาว อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ทั้งคู่เป็นนอมินีเช่นกัน มีผู้ร่วมขบวนการเป็นคนจีนอีก 2 ราย หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ และคนไทย 1 ราย อยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุม

...

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจรับแจ้งเบาะแสว่ามีกลุ่มทุนจีนเข้ามากว้านซื้อที่ดินสร้างหมู่บ้านจัดสรรใน จ.เชียงใหม่ แบบไม่ถูกต้องโดยใช้คนไทยเป็นนอมินีเป็นเจ้าของโครงการแทนบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ โดยเฉพาะเคสนี้ผู้ถือหุ้นปีที่ผ่านมาเสียภาษีแค่ 30,000 กว่าบาท แต่ปีนี้มาเป็นเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรหรูมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท รูปแบบนี้เริ่มเกิดขึ้นมากใน จ.เชียงใหม่ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้ประเทศจีนและคนจีนชอบเดินทางมาเที่ยวมีการลงทุนกว้านซื้อพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อจะสร้างเป็นมหาวิทยาลัย ซื้อโครงการหมู่บ้านขนาดใหญ่ไว้รองรับคนจีนที่วางแผนเข้ามาถือครองกิจการต่างๆในประเทศไทย การใช้นิติกรรมอำพราง หากปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไปชาวเชียงใหม่จะไม่มีพื้นที่หรือที่ดินเป็นของตัวเอง

“จากการสืบสวนพบว่ามีกลุ่มทุนจีนมากว้านซื้อบ้านจัดสรร 4-5 โครงการ วันนี้ที่จับกุมเป็นโครงการฟ้าหลวงการเกษตรจำกัด ก่อนหน้านี้มีคนไทยถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ต่อมามีคนจีนมาซื้อหุ้นไป 75 เปอร์เซ็นต์ แล้วให้นอมีนีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทน พร้อมทั้งให้คนจีนอีกส่วนหนึ่งถือหุ้นในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่ากฎหมายกำหนด เจ้าของหุ้นเดิมยังถือหุ้นอยู่ 25 เปอร์เซ็นต์ ตำรวจเข้าจับกุมและดำเนินคดีแล้ว ส่วนคนไทยที่เป็นเจ้าของหมู่บ้านเดิมจะมีความผิดตามไปด้วยว่ามีการทำนิติกรรมอำพราง” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ขั้นตอนต่อไปที่ตำรวจจะทำคือตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ทั้งหมดในความผิดฐานฟอกเงิน และจะตรวจสอบว่ามีการหลีกเลี่ยงภาษีอากรด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ยังตรวจพบหมู่บ้านหรูอีก 3 โครงการขนาดใหญ่เป็นการทำนิติกรรมอำพรางลักษณะเช่ายาว เช่น เช่า 30 ปี แต่มีสัญญาหลายฉบับ ฉบับละไม่เกิน 3 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ต้องไปจดทะเบียนกับเจ้า พนักงาน ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการ ส่วนทุนจีนที่เข้ามาอยู่ในไทยโดยการใช้วีซ่าผู้สูงอายุก็จะตรวจสอบ ว่าขอวีซ่าถูกต้องหรือไม่ เดินทางมาเองหรือไม่ หลักเกณฑ์การขอวีซ่าผู้สูงอายุคือต้องมีเงินอยู่ในบัญชี 800,000 บาท ต้องมาดูต่อว่ามีเงินในบัญชีหรือไม่ ทำธุรกิจอะไร มีทรัพย์สินเพียงพอหรือไม่ ไม่ใช่ใช้นอมินีโอนเงินเข้ามาในบัญชีให้วีซ่าผ่านแล้วอีกสองวันโอนออกไป หากตรวจพบการกระทำลักษณะนี้จะดำเนินคดีกับ ตม.เชียงใหม่ด้วย ส่วนผู้ต้องหาชาวจีนที่หลบหนีออกนอกประเทศไป 2 ราย จะประสานไปยังสถานทูตจีนให้ออกหมายแดงต่อไป