ปภ. สรุปความเสียหายวาตภัยหลังพายุฤดูร้อน ลูกเห็บถล่มเชียงใหม่ต่อเนื่อง 2 วันรวม 7 อำเภอ ชาวบ้านกว่า 7 พันคนเดือดร้อน บ้านเรือนกว่า 3,500 ครัวเรือนเสียหาย หลายหน่วยงานเร่งช่วยเหลือเยียวยา
กรณีเกิดพายุฤดูร้อน ลมกระโชกแรง และลูกเห็บที่พัดถล่มในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ ติดต่อกันถึง 2 วัน เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 18 และวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประชาชน สิ่งปลูกสร้าง ป้ายโฆษณา รวมทั้งยังมีเสาไฟฟ้าหักโค่นล้มทับรถยนต์ อาคาร-ร้านค้า จนเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นในวันที่ 18 มีนาคมในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ ถือเป็นพายุฤดูร้อนและลูกเห็บตกครั้งใหญ่ที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 10 ปี ส่วนพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ก็มีบ้านเรือนประชาชน สิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตรในหลายอำเภอได้รับความเสียหายจำนวนมากเช่นกัน
ล่าสุดสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ได้สรุปความเสียหายของพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 และ 19 มีนาคมที่ผ่านมาว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 7 อำเภอ 22 ตำบล 87 หมู่บ้าน คือ อำเภอเมืองเชียงใหม่ สันกำแพง สันทราย แม่ริม แม่วาง แม่อาย ดอยเต่า มีบ้านเรือนประชาชนเสียหาย 3,595 ครัวเรือน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 7,369 คน
...
ขณะที่หลายหน่วยงานได้เร่งสำรวจความเสียหาย และช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว โดยมีการเปิดศูนย์รับแจ้งความเสียหาย แจกจ่ายหลังคากระเบื้อง หลังคาสังกะสีเพื่อให้ประชาชนนำไปซ่อมแซมบ้านเรือนที่ถูกลมพายุพัดหลังคาเสียหาย รวมทั้งเร่งเคลียร์พื้นที่ตัดกิ่งไม้ต้นไม้ที่ล้มขวางถนน
ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ รายงานสภาพอากาศภาคเหนือ ตั้งแต่ 06.00 น. วันนี้ (21 มีนาคม 2566) จนถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ (22 มีนาคม 2566) ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมภาคเหนือ ทำให้ภาคเหนือมีอากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง
โดยลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคเหนือมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงนี้ โดยพื้นที่เสี่ยงภัยพายุฝนและลมกระโชกแรงในภาคเหนือ คือ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์.