มาตรการรัฐจูงใจชาวไร่อ้อยกำแพงเพชร ตัดอ้อยสดได้เงิน 120 บาท/ตัน เพิ่มแรงจูงใจงดเผา ลดปัญหาหิมะดำ สร้างรายได้เพิ่มอัดใบอ้อยส่งเข้าโรงงานไฟฟ้า เพื่อลดปัญหา PM 2.5 จนทำให้สภาพอากาศดีขึ้น

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวไร่อ้อยจังหวัดกำแพงเพชร ได้ให้ความร่วมมือกับภาคส่วนราชการ ในการหาทางแก้ไขปัญหา PM 2.5 มาโดยตลอด ทั้งนี้เพื่อลดปัญหาผลกระทบด้านมลพิษสิ่งแวดล้อม และพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุด ซึ่งในปีที่ผ่านมาพี่น้องชาวไร่อ้อยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตัดอ้อยส่งเข้าโรงงานกันมากขึ้นทำให้ปริมาณอ้อยสดเข้าหีบในโรงงานถึง 95.56 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2565 ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ชาวไร่อ้อยหันมาตัดอ้อยสดกันเพิ่มขึ้น สมาคมชาวไร่อ้อยเขต 6 กำแพงเพชรร่วมกับสหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย จึงได้ผลักดันให้รัฐบาลมีมาตรฐานการจูงใจ โดยการเพิ่มราคาอ้อยให้กับชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเหมือนเช่นปีที่ผ่านมา

...

นอกจากนี้ ยังสามารถบริหารจัดการในการแก้ไขปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัญหาระดับประเทศ ตามที่รัฐบาลมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วน ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยปีการผลิต 2565/2566 พบว่า เกษตรกรชาวไร่อ้อยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่งผลให้สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรสดใสมากขึ้น

ในอดีตที่ผ่านมาปัญหา PM 2.5 เกิดความรุนแรงขึ้นในจังหวัดกำแพงเพชร แต่ปี 2562 ที่ผ่านมา ทางภาครัฐได้มีมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหา PM 2.5 การเผาอ้อย ฟางข้าว การลักลอบเผาป่า การเผาขยะ ควันจากท่อไอเสีย ส่งผลให้สภาพอากาศในจังหวัดกำแพงเพชรดีขึ้นมาเป็นลำดับ โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมา 2564 เห็นได้ชัดว่ามีการเผาอ้อยน้อยลง เกษตรกรมีอ้อยตัดสดส่งเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรม 90.5 เปอร์เซ็นต์ โดยรับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ทั้งนี้จากเดิมที่มีการเผาอ้อย จนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนโดยเฉพาะในชุมชนเมือง มีขี้เถ้าอ้อยปลิวลงมาในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวอ้อย ซึ่งได้มีการรณรงค์ให้ใช้รถตัดอ้อยแทนได้รับความร่วมมือจากเกษตรกรเป็นอย่างดี ในส่วนของปัญหาที่มีการเผาอ้อย หลักๆ จากปัญหาแรงงานเริ่มหายากขึ้น ได้รับความร่วมมือภาคอุตสาหกรรมเพิ่มปริมาณรถตัดอ้อย ถือได้ว่าในจังหวัดกำแพงเพชรมีรถตัดอ้อยประมาณ 450 คัน ถือไว้ว่ามีรถตัดอ้อยในขณะนี้เยอะที่สุดเลยก็ว่าได้

ด้าน นายชัยยศ ตั้งนิยม ชาวไร่อ้อย “เกษตรกรดีเด่น สาขาทำไร่” กล่าวว่า จุดจูงใจให้ตัดอ้อยสด คือ เกิดจากการรณรงค์จากภาครัฐ เผื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และลดปัญหาการกีดกันทางการค้าที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตตลอดจนปัจจุบัน การตัดอ้อยสดก็สามารถทำได้ง่ายกว่าในอดีตมากซึ่งมีเครื่องจักรมาทดแทนแรงงาน สามารถตัดอ้อยสดเข้าสูงโรงงานได้เร็วขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องมีการเผาอ้อย การช่วยเหลือของภาครัฐก็มีส่วนกระตุ้นให้เกษตรกรตัดอ้อยสดมากขึ้น อันนี้ต้องยอมรับ แต่เกษตรกรก็มีต้นทุนในการจัดการเพิ่มขึ้นบางส่วนเช่นกัน และการที่มีรถตัดอ้อยมากขึ้น ย่อมทำให้ปริมาณการตัดอ้อยสดเพิ่มขึ้น

...

ชาวไร่อ้อย กำแพงเพชร กล่าวต่อว่า แต่ทั้งนี้เกษตรกรก็เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ชุมชน ไม่ว่าจะเป็นเศษเขม่าใบอ้อย และควันไฟต่างๆ จึงตัดสินใจพัฒนาตัวเอง ปรับปรุงแปลงอ้อยเพื่อรองรับการตัดอ้อยสด รับผิดชอบต่อสังคมที่ตนเองอยู่อาศัย คงไม่มีเกษตรกรรายใดตั้งใจเอาเปรียบสังคมที่ตนเองอยู่อาศัย ส่วนการที่เกษตรกรนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ แน่นอนเพื่อลดแรงงาน ซึ่งในภาคเกษตรกรรมขาดแคลนแรงงานอย่างมาก

นายชัยยศ กล่าวด้วยว่า หากจะสร้างความยั่งยืนให้เกษตรกร คงต้องนำเอาเทคโนโลยี เครื่องจักร เครื่องมือ เข้ามาใช้ทดแทนแรงงานภาคเกษตรที่นับวันจะน้อยลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายสิ่งที่อยากให้ภาครัฐสนับสนุน 1. ส่งเสริมให้มีรถตัดอ้อยที่ผลิตในประเทศไทย คุณภาพมาตรฐานเดียวกันกับรถตัดต่างประเทศในราคาที่เกษตรกรจับต้องได้ 2. สร้างบุคลากรเกี่ยวกับการใช้เครื่องจักร เครื่องมือ ที่ใช้ในแปลงอ้อยของเกษตรกร ปัจจุบันขาดแคลนบุคลากรที่มีคุณภาพเป็นอย่างมาก

ส่วน นายนิรุทธ์ สาธุวงษ์ หัวหน้าสำนักงาน ปภ.จังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่า ภาพรวมในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวของทุกปี ประเทศไทยมักจะเกิดค่า PM 2.5 ที่เกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ โดยสถานการณ์ดังกล่าวหลักๆ เกิดจากภัยธรรมชาติ เกิดจากกิจกรรมมนุษย์ เผาในที่โล่ง การคมนาคม ภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้าง ซึ่งจังหวัดกำแพงเพชร เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการปลูกอ้อยลำดับต้นๆ ของประเทศ ส่งผลให้ย้อนไปในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่งมีการเผาอ้อยมีฝุ่นละอองจากการเผา หรือที่เรียกว่า หิมะดำ ซึ่งเกิดขึ้นในเขตอำเภอเมืองเป็นหลัก การแก้ปัญหาโดยอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร นายเชาวลิตร แสงอุทัย จนมาถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร นายชาธิป รุจนเสรี คนปัจจุบัน ได้ขับเคลื่อนแก้ปัญหาตรงนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้หิมะดำหมดไป

...

หัวหน้าสำนักงาน ปภ.จังหวัดกำแพงเพชร กล่าวต่อว่า โดยทางจังหวัดใช้มาตรการประกาศเขตห้ามเผา ได้แจ้งให้ทุกอำเภอกำหนดประกาศเขตพื้นที่สีแดง “ห้ามเผาเด็ดขาด” รัศมี 5 กิโลเมตร ถ้ามีการเผาจะดำเนินคดีตามกฎหมายเด็ดขาด และเขตพื้นที่สีเหลือง รัศมี 10 กิโลเมตร “เผาที่ไหนดับที่นั้น” ถ้ามีการเผาจะต้องดำเนินการดับทันที ส่วนการรับซื้อใบอ้อย เพื่อลดการเผา ผู้ประกอบการเก็บใบอ้อยอัดแท่ง นำเครื่องจักรกลเก็บใบอ้อยในไร่ของเกษตรกร รับซื้อใบอ้อยจากเกษตรกร ไร่ละ 50 บาท เพื่อส่งโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวล เป็นหนึ่งอาชีพที่จะช่วยลดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ทางอากาศพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร และเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น แทนการเผาใบอ้อยที่จะก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นหมอกควัน ซึ่งใบอ้อย 1 ไร่ จะมีใบอ้อยประมาณ 2.3 ตัน เมื่อผู้ประกอบการอัดใบอ้อยแล้วนำไปขายต่อโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวล ตันละ 800 บาท.