อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมเป็นสักขีพยานการเซ็น MOU ซื้อ-ขายผลผลิตเกษตร ยกระดับรายได้เกษตรกร เพื่อเพิ่มศักยภาพ ความเข้มแข็ง เชื่อมโยงสินค้า แก้ปัญหาหนี้สิน

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 65 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การซื้อ-ขายผลผลิตการเกษตร ปีการผลิต 2565/66 ภายใต้โครงการจัดการผลผลิตเพื่อยกระดับรายได้เกษตรกร และเพิ่มศักยภาพสถาบันเกษตรอย่างยั่งยืน ระหว่าง สหกรณ์การเกษตร กับผู้ประกอบการสินค้าเกษตร ในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 9 จังหวัด ประกอบด้วย นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ สุโขทัย พิษณุโลก อุตรดิตถ์ อุทัยธานี และตาก โดยมีนายรณรงค์ นครจินดา รอง ผวจ.พิษณุโลก นายพิษณุ คล้ายเจตน์ดี ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ เขตตรวจราชการที่ 17 และ 18 นายโสรัต โสพรรณรัตน์ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. นายภูมิ เกลียวศิริกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.ฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนล่าง นางสาวอังคณา เพียรพัฒน์ สหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก สหกรณ์จังหวัดในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ โรงแรมดิอิมพีเรียล โฮเต็ล แอนด์คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก

...



นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ขอชื่นชมการดำเนินโครงการจัดการผลผลิตเพื่อยกระดับรายได้เกษตรกร และเพิ่มศักยภาพสถาบันเกษตรอย่างยั่งยืน ถือว่าเป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกร ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีแนวทางในการส่งเสริมสนับสนุนสถาบันเกษตรกรให้เกิดความมั่นคงเข้มแข็ง สนับสนุนอุปกรณ์การตลาดที่จำเป็นให้แก่สหกรณ์การเกษตรที่มีศักยภาพ ทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงสินค้าเกษตร สร้างรายได้ และช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร

ทั้งนี้ บทบาทในการทำหน้าที่รวบรวมสินค้าเกษตร ต้องให้ความรู้ความเข้าใจแก่สมาชิก ใช้หลักตลาดนำการผลิตเพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของตลาด และผู้รับซื้อ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในชุมชน โดยอาศัยกระบวนการสหกรณ์ที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของสมาชิก และดำเนินธุรกิจตอบสนองสมาชิกโดยส่วนใหญ่ ภายใต้การสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด และ ธ.ก.ส.ในการทำหน้าที่สนับสนุนเงินทุนและเชื่อมโยงธุรกิจให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เพื่อมุ่งยกระดับรายได้ของเกษตรกร แก้ไขปัญหาหนี้สิน ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร สร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในชุมชน

สำหรับโครงการนี้ถือเป็นตัวอย่างในการนำนโยบายของรัฐบาลมาขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ได้ทำหน้าที่ของตนเอง อย่างเต็มความสามารถ และศักยภาพที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการบริหารจัดการผลผลิตการเกษตรในพื้นที่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม แบ่งปันผลกำไรอย่างเป็นธรรม  และช่วยเหลือกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อไป

นายภูมิ เกลียวศิริกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.ฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนล่าง กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้จะสร้างประโยชน์เพิ่มแก่เกษตรกรผู้ผลิตให้มีตลาดสินค้าเกษตรรองรับอย่างแน่นอน ได้รับราคาอย่างเป็นธรรม โดยมีสถาบันเกษตรกรทำหน้าที่รวบรวมผลผลิต ปรับปรุงคุณภาพขนส่ง พร้อมส่งมอบผลผลิตการเกษตรให้แก่ผู้ประกอบการโรงสีข้าว ลานมันสำปะหลัง ผู้ประกอบการรับซื้อข้าวโพด และยาสูบ เพื่อแปรรูปเป็นสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ โดยคำนึงถึงการออกแบบและบริหารจัดการตามศักยภาพแต่ละพื้นที่ ใน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง หรือ Design And Management By Area ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีผลผลิตเกษตรที่ผ่านการรวบรวมกว่า 5 แสนตัน และธนาคารพร้อมสนับสนุนสินเชื่อภายใต้โครงการนี้ไม่น้อยกว่า 5 พันล้านบาท

...

นางสาวอังคณา เพียรพัฒน์ สหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า จ.พิษณุโลก มีสหกรณ์ที่สมัครเข้าร่วมโครงการกับ ธ.ก.ส. จำนวน 3 แห่ง วงเงินสินเชื่อ 290 ล้านบาท คือ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า, ธ.ก.ส.พิษณุโลก จำกัด, สหกรณ์นิคมพันชาลี จำกัด และ สหกรณ์วัดจันทร์ จำกัด.