ญาติของผู้ป่วยที่ทะเลาะกับหมอในห้องฉุกเฉิน รพ.เชียงแสน ปมเพราะคนไข้ไม่ยอมฉีดยาแก้อาเจียน เพราะแพ้ ส่งผลต่อโรคหัวใจ ขณะที่ชาวบ้านบอก เคยเจอหมอรายนี้พูดจาไม่ดี ปวดท้องจนไส้ติ่งเกือบผ่าไม่ทัน

หลังปรากฏเป็นข่าวในโซเชียล กรณีญาติคนไข้โวยหมอโรงพยาบาลเชียงแสน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีคนไข้หลายรายที่เคยไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเชียงแสน ถูกหมอคนดังกล่าวไล่ตะเพิด

หนึ่งในนั้นมี นางวันทณีย์ จินดาวงค์ ราษฎรหมู่ที่ 3 ต.เวียง อ.เชียงแสน ได้เล่าว่า เมื่อหลายเดือนก่อนได้พาหลานไปรักษาอาการปวดท้องไส้ติ่งรุนแรง และไปเจอหมอคนที่กำลังเป็นข่าว พบกับอารมณ์ของหมอที่พูดจาไม่ดีเลย ต้องทน หลานปวดท้องมาก เกือบไม่ทันผ่า

ขณะที่ นายวีรวุฒิ ยาสมุทร์ ญาติของ นางสาวทาริกา พราหม์ชื่น ผู้ที่เป็นคนไข้ และเป็นคนที่มีปากเสียงกับหมอคู่กรณีรายดังกล่าว เปิดเผยว่า ในวันนี้ตัวเองได้พาน้องสะใภ้ที่ป่วยมีอาการแพ้ท้องรุนแรง อาการไม่ค่อยดี ตอนแรกคิดจะพาไปโรงพยาบาลที่น้องเขามีประกันสังคม แต่เนื่องจากระว่างทางอาการไม่สู้ดี เลยคิดว่าแวะ รพ.เชียงแสน ให้หมอดูอาการก่อน หากไม่ดีก็ค่อยขอส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.อื่นได้ พอถึง รพ.ก็ได้รับบริการที่ดี ตั้งแต่เวรเปลไปจนถึงห้องฉุกเฉิน นั่งรอด้านนอก ก็เข้าไปแจ้งหมอว่า ถ้าจะรักษาอะไร ให้แจ้งกับญาติด้วย แต่ทางคนไข้กลับเรียกญาติขอให้ย้ายไป รพ.อื่น เพราะถูกหมอพูดจาไม่ดีใส่ พูดดูถูก เพราะหมอจะฉีดยาแก้อาเจียนให้ แต่คนไข้ไม่ยอม เพราะแพ้ยา ส่งผลต่อโรคหัวใจที่เป็นอยู่

ญาติของนางสาวทาริกา และพยาบาล จึงแจ้งหมอ หมอก็บอกว่า ก็แค่ฉีดยาให้ไม่เอารึไง อะไรกันนักหนา ก็บอกว่าฉีดไม่ได้ แพ้ยานี้อยู่ ให้เป็นอย่างอื่นได้ไหม หรือนอนให้น้ำเกลือได้ไหม หมอก็เลยบอกว่า "ทำไม เป็นอะไรหนักหนา แค่นี้ต้องนอนให้น้ำเกลือ จะนอน รพ.ให้ได้เลยใช่ไหม" จากนั้นก็เจอกับหมอก็ได้ถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับคนไข้ จากนั้นก็เริ่มเป็นไปตามคลิปที่เกิดดราม่านั่นเอง

...

ด้าน ว่าที่ ร.ต.สมบูรณ์ สุภาอิน สาธารณสุขอำเภอเชียงแสน เปิดเผยว่า ตนได้รายงานพฤติกรรมการบริการของแพทย์ ณ ห้องฉุกเฉิน รพ.เชียงแสน และได้มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์แล้ว  ขณะนี้ นพ.สุขชัย เธียรเศวตตระกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงแสน ได้มีคำสั่งพักเวร และได้สลับเวรแพทย์ท่านอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทนทันที และได้ให้พักปฏิบัติงานบริการแพทย์ท่านที่ได้เป็นคู่กรณีกับผู้รับบริการในคลิปดังกล่าวเป็นเวลา 7 วัน หลังจากนั้นได้เรียกมาทบทวนเหตุการณ์ดังกล่าว และได้สื่อสารกับผู้รับบริการคู่กรณี โดยทางโรงพยาบาลเชียงแสน เตรียมเข้าไปขอโทษทางญาติและผู้ป่วย และพร้อมจะนำเรื่องนี้ปรับปรุงแก้ไขกับบุคลากรโรงพยาบาลต่อไป.