เชียงใหม่-แม่น้ำปิงเพิ่มระดับเกินวิกฤติ เริ่มท่วมสองฝั่งเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ แล้ว ผู้ว่าฯ สั่งทุกหน่วยจับตาใกล้ชิด พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัย คาดเที่ยงคืนแตะ 3.90 เมตร

เมื่อช่วงค่ำวันนี้ (2 ต.ค. 65) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่, นายจรินทร์ คงศรีเจริญ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ และ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่สถานีวัดระดับแม่น้ำปิง P.1 เชิงสะพานนวรัฐ อ.เมืองเชียงใหม่ หลังระดับน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่อง

ล่าสุด 20.00 น. ระดับน้ำเพิ่มเป็น 3.77 เมตร เกินเส้นวิกฤติที่ 3.70 เมตร เจ้าหน้าที่ได้ปักธงเหลืองเป็นสัญญาณให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเร่งเก็บข้าวของขึ้นบนที่สูง คาดระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 3.90 เมตร ในเวลาเที่ยงคืน ขณะที่ช่วงหัวค่ำ น้ำได้ไหลเข้าท่วมสองฝั่งแม่น้ำปิงแล้วหลายจุด และเริ่มขยายวงกว้างมากตามลำดับ

...

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า คาดการณ์ระดับน้ำสูงสุดตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 3.90 เมตร อยู่ในระดับที่เจ้าหน้าที่สามารถรับมือได้ ประกอบกับได้มีการเตรียมเครื่องมืออย่างเช่นเครื่องสูบน้ำ ที่ประจำตามจุดต่างๆ ก็พร้อมในการทำงานทั้งหมดแล้ว เพื่อให้เกิดผลกระทบกับประชาชนในพื้นให้น้อยที่สุด แต่หากมีการปรับคาดการณ์เป็น 4 เมตร ก็จะต้องปรับแผนรับมืออีกครั้ง โดยจุดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นอันดับต้นๆ คือพื้นที่ลุ่มต่ำสองฝั่งแม่น้ำปิง

นายจรินทร์ คงศรีเจริญ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยว่าปัจจัยหลักที่มวลน้ำในครั้งนี้มีปริมาณมาก ส่วนใหญ่มาจากน้ำแม่แตงที่มาจากฝนตกหนักสะสมในช่วงที่ผ่านมา และคาดว่ามวลน้ำจากน้ำแม่แตงอีกส่วนหนึ่ง จะใช้เวลาอีก 1 วันเดินทางมาถึงเขตเมืองเชียงใหม่ ระหว่างนี้ศูนย์วิเคราะห์สถานการณ์น้ำ สำนักงานชลประทานที่ 1 จะวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ว่าปริมาณน้ำทั้งหมดจะมาถึงมากน้อยแค่ไหน เมื่อรวมกับน้ำจากแม่น้ำปิงตอนบน และน้ำแม่ริม ซึ่งอาจจะมากกว่าคืนนี้ หรือน้อยกว่า ก็จะต้องมีการวิเคราะห์กันอีกครั้งในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ (3 ต.ค. 65) และจะต้องติดตามสถานการณ์ฝนในพื้นที่ต้นน้ำอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำในครั้งนี้เมื่อเทียบกับการเกิดน้ำท่วมในปี 2554 พบว่าปริมาณน้ำในปี 2554 มีจำนวนเยอะกว่ามาก ซึ่งจากข้อมูลรายงานในปี 2554 ช่วงวันที่ 29 ก.ย. 54 จนถึง 2 ต.ค. 54 ที่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่จากผลพวงพายุไต้ฝุ่นเนสาด ระดับน้ำสูงสุดในตอนนั้นอยู่ที่ 4.94 เมตร และปริมาณน้ำที่ไหลผ่านจุด P.1 นี้อยู่ที่ประมาณ 856 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ซึ่งจะเห็นได้ว่าในปี 54 นั้นปริมาณน้ำมากกว่าในตอนนี้เกือบเท่าตัว ดังนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นในปีนี้จะไม่รุนแรงเท่าปี 54 อย่างแน่นอน.