คดี ผอ.โรงเรียนดังที่กำแพงเพชร แจ้งดำเนินคดี เด็ก ป.6 ร่วมกันพังกล้องวงจรปิดจนเกิดดราม่าเพจดังเอาไปโพสต์ ล่าสุดผู้ปกครองยอมจ่ายค่าเสียหาย เผยวีรกรรม "ด.ช.สิงหา" เป็นหัวโจกตัวแสบทั้งงัดขโมยของร้านค้าสหกรณ์ พังกล้องวงจรปิดเข้าไปลักขนม
เวลา 11.30 น. วันที่ 30 ก.ย. 65 นายสุพล จันทรต๊ะคาด ผู้อำนวยงานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 พร้อมด้วย นายพงศ์พล สุเยาว์ นักสังคมสงเคราะห์บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชร ได้ลงพื้นที่เข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียน โรงเรียนนารีราษฎร์สามัคคี (บ้านแม่นารี) ม.24 ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พร้อมผู้นำท้องถิ่น รวมทั้งผู้เป็นพ่อและยายของ "ด.ช.มะพร้าว" อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ที่ถูกทางโรงเรียนแจ้งความจับกุม เด็กอ้างว่า ทำลูกวอลเลย์บอลไปโดนกล้องวงจรปิดพังเสียหาย
โดยมีการเจรจา พร้อมอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีภาพวงจรปิดที่ถูกจับภาพไว้ได้ ในภาพจะเห็นลูกวอลเลย์บอลกระเด็นมาถูกกล้องวงจรปิด จากนั้น ด.ช.มะพร้าว ได้เดินเข้ามาเพื่อจะเก็บลูกวอลเลย์บอล โดยใช้เชือกปิดบังใบหน้าและใช้เท้าเขี่ยไม้กวาดทางมะพร้าวไปในมุมที่คาดว่าเพื่อนอีกคนจะยืนอยู่ แล้วภาพกล้องวงจรปิดก็หมุนตกลงมาที่พื้น ซึ่งเป็นการทุบทำลายกล้อง ก่อนเด็กจะพากันขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากโรงเรียนไป เป็นหลักฐานที่สามารถมัดตัวและดำเนินคดีเด็กทั้ง 2 คน
คดีนี้ ทางโรงเรียนได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร แจ้งความและออกหมายเรียกเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยหาข้อตกลง เพื่อให้ผู้ปกครองรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะดำเนินคดีให้เด็กเสียหาย เพราะทางโรงเรียนก็คำนึงถึงอนาคตของเด็ก หลังจากพูดคุยกันนานกว่า 30 นาที ทุกฝ่ายได้ตกลงและทำความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อย ทางผู้ปกครองของ ด.ช.มะพร้าว ได้ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 1,650 บาท ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือหลังจากที่ “ด.ช.สิงหา” ได้จ่ายแล้ว และโรงเรียนจะดำเนินการถอนแจ้งความทันที
...
ขณะที่ ด.ช.มะพร้าว กล่าวว่า หลังจากที่ข่าว ตนรู้สึกกลัวและตกใจ ยอมรับว่าเป็นคนในภาพวงจรปิดจริง โดยเข้ามาเล่นวอลเลย์บอลภายในโรงเรียนกับ ด.ช.สิงหา และเพื่อนคนอื่น ลูกวอลเลย์บอลกระเด็นไปบริเวณอาคารเรียน จึงเดินไปเก็บลูกวอลเลย์บอล ส่วนที่เอาผ้าปิดหน้านั้นเพราะกลัวว่าครูจะเห็น ว่าแอบเข้ามาเล่นในเวลาเลิกเรียน โดยสังเกตเห็นว่า มีเพื่อนอีกคนยืนอยู่ตรงนั้นในลักษณะกำลังด้อมๆมองๆ ไปที่กล้องวงจรปิด จากนั้นก็เดินออกมาเล่นกับเพื่อนและขับรถกลับบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ก่อนจะได้ข้อยุติ นายสมชาย ศรีสุข ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ให้ข้อมูลว่า "กรณีดังกล่าวเกิดจากที่เด็กทั้ง 2 คน ไปเล่นวอลเลย์บอล แล้วไปโดนกล้องวงจรปิดของโรงเรียนพังเสียหาย โดยเด็กทั้งสองคนกลัวความผิดเลยตัดสินใจนำไม้มาตีเพื่อทำลายกล้องวงจรปิด พร้อมตัดสายไฟและสายสัญญาณเพื่อปกปิดความผิด แต่ปรากฏว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้ ทางโรงเรียนได้เรียกผู้ปกครองของเด็กที่ทำกล้องวงจรปิดพังเสียหาย เข้ามารับทราบแล้ว พร้อมตกลงที่จะชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 3,000 บาท ซึ่งมีนักเรียน 2 คน ที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน คือ ด.ช.สิงหา อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 และ ด.ช.มะพร้าว อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ที่เป็นเพื่อนห้องเดียวกัน โดยผู้ปกครองของทั้ง 2 ยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ และจบเรื่องดังกล่าว แต่พอวันต่อมาเมื่อพ่อของ ด.ช.มะพร้าว ทราบเรื่องก็บอกว่าขอไม่ชดใช้ อ้างว่าลูกตนเองไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวหน่วยงานปกครองและตำรวจในพื้นที่ก็ทราบดีและช่วยไกล่เกลี่ย จนสุดท้ายมีความเห็นว่าควรจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ไม่รับผิดชอบคือ "ด.ช.มะพร้าว" ส่วน ด.ช.สิงหา ได้จ่ายค่าเสียหายแล้ว ซึ่งเหตุผลที่ต้องดำเนินการทางคดีนั้น เพราะต้องการปรามเด็กไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
สำหรับ ด.ช.สิงหา เพื่อนของ ด.ช.มะพร้าว มีวีรกรรมในโรงเรียนและชุมชนในลักษณะนี้หลายครั้งจนเอือมระอา ทั้งงัดเข้าไปขโมยของในร้านค้าสหกรณ์และงัดห้องเรียน ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพื่อเข้าไปขโมยกระปุกออมสินและขนม ซึ่งล่าสุด ด.ช.สิงหา เคยมีปัญหากับเพื่อนในโรงเรียนด้วยกันถึงขนาดพกมีดดาบเข้ามาจะทำร้ายกันในโรงเรียน โดยทางฝ่ายปกครองได้เข้าห้ามปรามเรียกผู้ปกครองมารับทราบ จนมีกระแสดราม่าในเพจดัง "Survive - สายไหมต้องรอด" ส่วน ด.ช.มะพร้าว เป็นหนึ่งในกลุ่มที่สร้างความเดือดร้อนเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น และยังมี ด.ช.ตูมตาม ร่วมกับ ด.ช.สิงหา ตีกล้องวงจรปิดหน้าห้องศูนย์เด็กเล็ก เพื่อเข้าไปขโมยกระปุกออมสินและขนม