ป่าไม้ระดมกำลังกว่า 300 นาย เข้ารื้อถอน 5 รีสอร์ตม่อนแจ่ม โดยมีชาวบ้านฮือต้านและกดดันเจ้าหน้าที่อย่างหนัก จนต้องยอมถอนกำลัง และเตรียมนำหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศให้ชาวบ้านดู
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 65 ที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ทั้ง สำนักทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่, ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด รวมทั้งเจ้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.แม่ริม และชุดควบคุมฝูงชน รวมกว่า 300 นาย ร่วมประชุมเพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนบ้านพักและรีสอร์ตทั้งหมด 5 แห่ง บนพื้นที่ดอยม่อนแจ่ม ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม ประกอบด้วย หลังสวนโฮมสเตย์ ม่อนดาวเรือง ม่อนดูดาว ม่อนแสงระวี และแสงเหนือแคมปิ้ง ซึ่งทั้งหมดถูกตรวจสอบและมีหลักฐานชัดเจนว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้เนื่องจากมีการใช้พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์ และมีการเปลี่ยนมือให้กับนายทุน หรือนอมินีเข้ามาประกอบกิจการแทน
ขณะที่กลุ่มชาวบ้านเดินทางมาในนามของเครือข่ายสิ่งแวดล้อมม้ง 12 หมู่บ้าน ในอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอหางดง และอำเภอแม่ริม คัดค้านการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ โดยขอให้พิจารณาชะลอการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของชาวบ้านออกไปก่อน และขอให้รอคำพิพากษาของศาลออกมาว่าจะมีผลเป็นอย่างไร ซึ่งชาวบ้านก็พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาลเมื่อถึงเวลานั้น
...
ขณะที่ นายสัมพันธ์ พุฒด้วง ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้เชียงใหม่ ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบที่พักรีสอร์ตบริเวณดอยม่อนแจ่ม พบว่า 122 แห่ง มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบกิจการโรงแรม และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารจำนวน 86 แห่ง ซึ่งในส่วนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล และมีบางแห่งที่ศาลพิพากษาความผิดแล้วส่วนอีก 36 แห่ง ตรวจสอบอย่างละเอียดพบข้อมูลหลักฐานชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนมือถ่ายโอนไปให้กับนายทุนเข้ามาประกอบกิจการแทนรวมทั้งมีการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 25 ของพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่จึงมาดำเนินการรื้อถอนในส่วนนี้ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งเตือนและเปิดโอกาสให้มีการอุทธรณ์ชี้แจงไปแล้ว
โดกลุ่มชาวบ้านยืนยันให้เจ้าหน้าที่ชะลอการรื้อถอนไปก่อน โดยให้รอคำตัดสินของศาล ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าการเข้ารื้อถอนเป็นการดำเนินการตามความผิด ม.25 พ.ร.บ.ป่าไม้ ซึ่งเป็นคนละส่วนกันคดีที่ศาลอยู่ระหว่างพิจารณา แต่ชาวบ้านยืนยันไม่ยอม และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสิทธิ์ พร้อมกับขอให้เจ้าหน้าที่นำภาพถ่ายทางอากาศที่ใช้เป็นหลักฐานมาแสดงให้ดู เพื่อที่จะชี้ให้ดูว่าชาวบ้านอยู่มาก่อนหน้าที่จะมีการประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม โดยการเจรจาใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง จนในที่สุดฝ่ายเจ้าหน้าที่รับขอเสนอ จะไปนำหลักฐานมาให้กับชาวบ้านได้ดูอีกครั้ง ก่อนที่จะถอนกำลังกลับ ขณะที่ชาวบ้านยืนยันหากกลับมารื้อถอนอีกก็จะไม่ยอม
ด้านนายมนตรี ปลูกปัญญา ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เปิดเผยว่า การดำเนินการในวันนี้ เนื่องจากมีความผิดชัดเจน และทางป่าไม้ได้มีการทำครบกระบวนการแล้ว โดยก่อนหน้านี้ให้ชาวบ้านได้โต้แย้งสิทธิ์ตามกฎหมาย ในส่วนที่จะต้องรื้อถอนครั้งนี้เป็นการใช้มาตรการทางปกครองตาม ม.25 พ.ร.บ.ป่าไม้ ซึ่งทั้ง 36 รีสอร์ตจะต้อรื้อถอนเนื่องจากมีความผิดฐานบุกรุก ขยายพื้นที่เพิ่มเติม ซื้อขายเปลี่ยนมือให้กับนายทุน หรือนอมินี แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวบ้านที่อยู่อาศัยทำกินถูกต้อง และการรื้อถอนเป็นคนละส่วนการการพิจารณาคดีของศาล โดยในส่วน 36 รีสอร์ตนี้ ทางศาลได้รับฟ้องไว้ทั้งหมดแล้วและอยู่ระหว่างพิจารณาคดี
ส่วนการขัดขวางของชาวบ้านในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะกลับไปประชุมและนำหลักฐานต่างๆ มาอธิบายให้กับชาวบ้านอีกครั้ง.