วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 สถานการณ์การสู้รบ ระหว่าง "กองกำลังชนกลุ่มน้อย" กับทหารกองทัพพม่า บริเวณชายแดนด้านอ.พบพระ จ.ตาก ของไทย ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง ตรงกันข้าม ทหารพม่ายังโหมโจมตีเพื่อยึดพื้นที่

เครื่องบินรบยังคงขึ้นบินโจมตีเป้าหมาย เสียงเครื่องยนต์เจ็ตดังกระหึ่ม ทั้งข่มขวัญศัตรู ข่มขู่คนบ้านใกล้เรือนเคียง ชาวบ้านไม่เป็นอันออกไปทำงาน โรงเรียนปิดเรียนชั่วคราว

สงครามเริ่ม กะเหรี่ยงรวมพลังเปิดฉากโจมตีทหารพม่า

ย้อนไปเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2565 การสู้รบระลอกใหม่ บริเวณเขตอิทธิพลของชนกลุ่มน้อย "กะเหรี่ยง" ในจ.เมียวดี ของเมียนมา ได้เริ่มขึ้น เมื่อทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู หน่วยจู่โจมที่ 201-103 พร้อมดัวยทหาร กระเหรี่ยงเคเอ็นดีโอ (KNDO) และกลุ่มพีดีเอฟ (PDF) ได้สนธิกำลังกันจำนวนมากกว่า 100 นายพร้อมอาวุธครบมือบุกเข้ายิงโจมตีฐานทหารเมียนมากองพันที่ 32 ชุด บก.ควบคุมที่ 13 บ้านอูเกรทะ อำเภอซูการี จังหวัดเมียวดี ฝั่งตรงข้ามกับบ้านห้วยแม่หม้าย หมู่ 2 บ้านวาเล่ย์ใต้ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก

สงครามอยู่หลังบ้าน!
สงครามอยู่หลังบ้าน!

...

จุดปะทะอยู่ห่างชายแดนไทยไม่ถึง 1 กม.

กำลังทหารกะเหรี่ยงสามฝ่าย เปิดปฏิบัติการยิงโจมตีด้วยอาวุธหนักและอาวุธปืนเล็กยาวยิงถล่มเข้าไปในฐานทหารเมียนมาซึ่งเป็นฐานใหญ่โดย เสียงปืนจากการยิงปะทะดังสนั่นแนวชายแดนสองฝั่งประเทศ สามารถมองเห็นกลุ่มควันจากเครื่องยิงลูกระเบิดของทหารได้อย่างชัดเจนในเขตหมู่บ้านวาเล่ย์ใต้ ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดน จุดที่มีการปะทะเพียงไม่ถึง 1 กิโลเมตร

บรรดาผู้ชม ชิวๆเหมือนมานั่งชมภาพยนตร์สงคราม
บรรดาผู้ชม ชิวๆเหมือนมานั่งชมภาพยนตร์สงคราม

ขณะที่ทหารเมียนมา ยิงตอบโต้ด้วยปืน ค.120 มม. ซึ่งเป็นอาวุธหนัก ยิงสนับสนุนมาจากฐานทหารที่อยู่ใกล้เคียงกับจุดปะทะ ส่วนฝ่ายกะเหรี่ยงก็ยิงใส่ด้วยปืนเครื่องยิงลูกจรวดอาร์พีจีและปืนค.60 มม.

ต้องการบุกยึดฐานสำคัญ บ้านอูเกรทะ

รายงานการข่าวทางทหารแจ้งว่า "การปะทะในครั้งนี้ ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูมีเป้าหมายที่จะบุกเข้ายึดฐานของทหารเมียนมา ฐานบ้านอูเกรทะ ซึ่งภายในฐานดังกล่าว มีทหารเมียนมาพร้อมอาวุธหนักประจำการอยู่ไม่ต่ำกว่า 70 นาย"

ทั้งนี้ หากการยิงปะทะยืดเยื้อทหารเมียนมาอาจจะใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศด้วยการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินรบ

อูเกรทะ สมรภูมิการสู้รบที่อยู่ห่างชายแดนไทยเพียง 1 กม.
อูเกรทะ สมรภูมิการสู้รบที่อยู่ห่างชายแดนไทยเพียง 1 กม.

กะเหรี่ยงพัฒนาอาวุธ ใช้โดรนบินทิ้งบอมบ์!

นอกจากนี้ การสู้รบครั้งนี้ ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ได้ปรับยุทธวิธี พร้อมพัฒนาอาวุธ โดยการใช้โดรนติดลูกระเบิดบินเข้าไปทิ้งระเบิดลงกลางฐานทหารเมียนมาเสียงดังสนั่นฐานอูเกรทะ สามารถมองเห็นกลุ่มควันระเบิดสีขาวลอยขึ้นเหนือท้องฟ้าไปทั่วแนวชายแดนอำเภอพบพระ จังหวัดตาก โดยหลังจากทหารกะเหรี่ยงใช้โดรนบินทิ้งระเบิดใส่ฐานทหารเมียนมาแล้วชุดเคลื่อนเร็วของกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ได้ระดมยิงอาวุธปืนเล็กยาว ปืนกลและเครื่องยิงลูกระเบิดถล่มเข้าใส่ทหารเมียนมาที่ตั้งรับอยู่ในแนวหน้าเพื่อจะเข้ายึดฐานทหารเมียนมาให้ได้ การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด ทหารทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

...

แล้วเครื่องบินรบก็มา

วันที่ 27 มิถุนายน 2565 ทหารเมียนมาซึ่งถูกฝ่ายกะเหรี่ยงปิดล้อมฐานมา 2 วันได้วิทยุร้องขอการสนับสนุนทางอากาศ จากนั้นเครื่องบินรบทหารเมียนมาจำนวน 2 ลำ ได้บินเข้าทิ้งใส่กองกำลังทหารกะเหรี่ยงที่อยู่รอบฐานทหารเมียนมา ระเบิดหลายสิบลูกถูกทิ้งลงเป้าหมาย ดังสนั่นพื้นที่แนวชายแดน ชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมทำไร่ มีบ้านพักอยู่บริเวณตะเข็บชายแดนใกล้แนวระเบิดตก ต่างรีบหนีออกจากบ้านไปหลบในพื้นที่ปลอดภัย

ขณะที่บนท้องฟ้า สามารถเห็นเครื่องบินรบพม่า บินโจมทิ้งระเบิดนับสิบเที่ยว พร้อมระดมยิงอาวุธหนักเป็นปืนวิถีโค้งแบบ ค.120 ถล่มซ้ำทางภาคพื้นดินเข้าใส่พิกัดที่มีทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูหลบซ่อนตัวอยู่ในป่ารอบฐานอูเกรทะ

โดยรายงานอย่างไม่เป็นทางการ การโจมตีทางอากาศสร้างความเสียหาย ทำให้ทหารเคเอ็นยูได้รับบาดเจ็บหลายนาย ส่วนทหารเมียนมาก็ถูกทหารเคเอ็นยูยิงด้วยสไนเปอร์ และโดรนทิ้งระเบิดเสียชีวิตไปหลายนายเช่นกัน

สภาพภายในหลุมหลบภัย
สภาพภายในหลุมหลบภัย

...

บินรุกล้ำน่านฟ้า สงครามบนหลังคาบ้าน!

วันที่ 30 มิถุนายน สงครามผ่านมาแล้ว 5 วัน ทหารกะเหรี่ยงที่เปรียบเป็น “งูดินเจ้าที่” ยังคงต่อกรกับทหารพม่าได้เป็นอย่างดี แม้จะถูกโจมตีทั้งทางบกทางอากาศ แต่ด้วยความชำนาญพื้นที่ อาศัยหลบกำบังตามภูมิประเทศ ทำให้การสู้รบยังดำเนินต่อไป

เวลาประมาณ 11.50 น. ขณะเครื่องบินรบเมียนมา ขึ้นบินจากฐานทัพอากาศในประเทศมุ่งหน้ามาโจมตีกองกำลังทหารกะเหรี่ยงที่ล้อมฐานบ้านอูเกรทะ ได้มีเครื่องบินรบติดอาวุธของเมียนมา 1 ลำบินรุกล้ำน่านฟ้าเข้ามาถึงตัวอำเภอพบพระ ซึ่งเป็นย่านชุมชน เสียงเครื่องบินรบดังกระหึ่มเหนือน่านฟ้าไทย จากนั้นเครื่องบินรบได้ยิงทั้งปืนกลอากาศและยิงจรวดใส่ทหารกะเหรี่ยงที่อยู่รอบฐาน แต่มีกระสุนปืนกลอากาศหลายลูกหลุดข้ามชายแดนมาตกที่บริเวณหมู่บ้านวาเล่ย์เหนือ หมู่ 3 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ

กระสุนที่ยิงจากเครื่องบินรบพม่า เจาะทะลุกระบะรถจอดในสวนปาล์มฝั่งอ.พบพระ
กระสุนที่ยิงจากเครื่องบินรบพม่า เจาะทะลุกระบะรถจอดในสวนปาล์มฝั่งอ.พบพระ

...

กระสุนชุดได้ตกบริเวณในไร่ปาล์มของนางจุฑามาศ แก้วพวง บ้านเลขที่ 193 หมู่ 3 ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพระ และมีสะเก็ดระเบิดกับกระสุนปืนถูกรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน กจ-3190 ตาก ของนายสายัณห์ วงศ์ใจ ชาว อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งจอดอยู่ในสวนได้รับความเสีย แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ความช่วยเหลือจากไทย ตามหลักมนุษยธรรม
ความช่วยเหลือจากไทย ตามหลักมนุษยธรรม

ไทยช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม

ขณะที่การสู้รบที่ดำเนินต่อเนื่องมาถึง 5 วัน ส่งผลทำให้มีชาวกะเหรี่ยงในหมู่บ้านฝั่งประเทศเมียนมา และชาวเมียนมาอพยพข้ามแดน มาแล้วกว่า 500 คน ซึ่งยอดยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีชาวเมียนมาเป็นหญิง 1 ราย ถูกสะเก็ดระเบิด ได้รับบาดเจ็บ

ผู้อพยพเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
ผู้อพยพเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

นายสมพงษ์ ฟุ้งทวีวงษ์ นายอำเภอพบพระ ได้เรียกประชุมด่วนหัวหน้าส่วนราชการพร้อมนำทีมกาชาดอำเภอพบพระ นำอาหารแห้งไปมอบให้ผู้หนีภัยการสู้รบกว่า 500 คน ในบริเวณพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่งที่บ้านมอเกอร์ไทย หมู่ 1 และบ้านวาเล่ย์เหนือ หมู่ 2 ตำบลวาเล่ย์ เป็นการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งนายอำเภอพบพระกล่าวว่าได้จัดพื้นที่ปลอดภัยไว้รองรับคนไทยไว้แล้ว หากสถานการณ์ลุกลามขอให้คนไทยในพื้นที่อย่าตกใจเนื่องจากทางราชการมีแผนรองรับตามขั้นตอนล่วงหน้าอยู่แล้ว

ปะทะดุเดือดย่างเข้าวันที่ 6 แล้ว
ปะทะดุเดือดย่างเข้าวันที่ 6 แล้ว

นายกรัฐมนตรีบอก เครื่องบินพม่าแค่ตีวงเลี้ยว 

วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 วันที่ 6 ของการสู้รบระหว่างชนกลุ่มน้อยกับทหารเมียนมา ยังมีเครื่องบินรบพม่า 2 ลำ ผลัดกันบินเช้าถล่มฐานอูเกรทะที่กะเหรี่ยงบุกยึด ส่วนฝ่ายไทยได้ส่งเครืองบิน F-16 สองลำบินประกบในน่านฟ้าอำเภอพบพระ โรงเรียน 2 แห่งยังเปิดเรียนเป็นวันที่สอง เสียงระเบิดยังดังต่อเนื่อง ชาวบ้านต้องวิ่งหนีไปลงหลุมหลบภัย 

ขณะที่ท่าทีของไทย ต่อการรุกล้ำน่านฟ้าของเครื่องบินพม่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เผยว่า ทางเมียนมาขอโทษแล้วหลังเครื่องบินรบบินล้ำน่านฟ้าไทย ไม่ตั้งใจจะมีปัญหา แต่เครื่องบินต้องตีวงเลี้ยว และขณะนี้ความสัมพันธ์ของสองประเทศก็ดีอยู่แล้ว.