เหตุเครื่องบินมิก-29 เมียนมา บินล้ำน่านฟ้าที่ อ.พบพระ จนชาวบ้านขวัญผวา ร้องถามเอฟ-16 อยู่ไหน ขณะที่ ทอ.ไทย แจง เอฟ-16 ขึ้นบินทันทีไม่ได้ช้า ขอให้เชื่อใจระบบป้องกันภัยทางอากาศเราไม่เป็นรองใคร

จากสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู และทหารกองทัพเมียนมา ที่ได้สู้รบกันมาถึง 5 วันในการแย่งชิง ฐานบ้านอูเกรทะ อำเภอซูการี จังหวัดเมียวดี ฝั่งตรงข้ามกับห้วยแม่หม้าย หมู่ที่ 2 บ้านวาเล่ย์ใต้ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก และมีการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดด้วยอาวุธหนักโดยกำลังพลทหารทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตไปด้วยกัน และมีการเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศด้วยเครื่องบินรบของทหารเมียนมาหลายลำหลายเที่ยวบิน ทั้งการใช้ระเบิดทิ้งโจมตี การยิงด้วยจรวด และการยิงด้วยปืนกลอากาศเข้าใส่เป้าหมายที่มีกำลังกะเหรี่ยงซ่อนตัวอยู่

...

และเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 30 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา กองทัพทหารเมียนมาได้ส่งเครื่องบินรบมิก-29 ฟังครัม ติดอาวุธทั้งปืนกลอากาศและจรวดโจมตีภาคพื้นดิน บินขึ้นจากฐานทัพอากาศในประเทศเมียนมา มุ่งหน้ามาโจมตีกองกำลังทหารกะเหรี่ยงที่กำลังปิดล้อม ฐานบ้านอูเกรทะ ขณะที่ระหว่างการบินโจมตี มิก-29 ได้บินเข้ามากลับลำในเขตไทย และทำการยิงโจมตีทหารกะเหรี่ยงจากฝั่งไทย จนเสียงปืนกลและเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วบริเวณ สร้างความตระหนก และหวาดกลัวกับชาวบ้านที่เป็นราษฎรไทยที่อยู่ด้านล่าง โดยต่างโวยว่า เครื่องบินเมียนมาบินล้ำเข้ามาฝั่งไทยแบบนี้ได้อย่างไร

เมื่อคอมเมนต์ชาวโซเชียลมาไวเหนือเสียงกว่าเอฟ-16 

เมื่อมีคลิปภาพมิก-29 ทอ.เมียนมา ที่บินล้ำแดนไทยกระจายไปทั่วโซเชียล โดยเฉพาะภาพที่มิก 29 บินเหนือที่ทำการ อบต.ก็ทำให้ผู้คนต่างสงสัยว่า กองทัพอากาศไทย ได้รู้หรือไม่ว่า มิก-29 บินเข้ามา แล้วได้มีการตอบสนองต่อเรื่องนี้หรือไม่ และได้ดำเดินการอย่างไร ทำไมเครื่องบินเอฟ-16 ของไทยถึงไม่มา จนคอมเมนต์ต่างๆ ลุกลามบานปลายไปถึง การต่อว่ากองทัพอากาศว่ามาช้า ประสิทธิภาพของการเตรียมพร้อมขึ้นบินสกัดกั้นอยู่ตรงไหน เรดาร์กองทัพอากาศจับได้หรือไม่ว่ามิก-29 บินเข้ามา หลายๆ คอมเมนต์ต่างถาโถม เข้ามาในโลกโซเชียลทันที และยิ่งกว่านั้นคือ ชาวบ้านในพื้นที่ที่ต่างอกสั่นขวัญผวา เมื่อมิก-29 ของเมียนมา ยิงอาวุธจากฝั่งไทยให้เห็นจะจะแบบนี้ 

ทอ.ยืนยัน เอฟ-16 ตาคลี เข้าถึงพื้นที่ทันทีที่ได้รับ Alert

ต่อมา พลอากาศตรีประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุที่เกิดขึ้นว่า เมื่อเวลา 11.16 น. ของวันที่ 30 มิ.ย. 2565 ทาง ทอ.ตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บินล้ำแดนบริเวณอำเภอพบพระ จังหวัดตาก โดยโจมตีกองกำลังชนกลุ่มน้อยบริเวณแนวชายแดน และบินล้ำแดนเข้ามายังพื้นที่ประเทศไทย ก่อนเป้าหมายจะจางหายไปจากระบบเรดาร์เฝ้าตรวจการณ์ของกองทัพอากาศในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังตรวจพบเฮลิคอปเตอร์ ปฏิบัติภารกิจอยู่ห่างจากแนวชายแดนบริเวณดังกล่าว ระยะทางประมาณ 5 ไมล์ทะเล (Nautical Mile) แต่มิได้ล้ำแดนมายังพื้นที่ประเทศไทยแต่อย่างใด

กองทัพอากาศ จึงได้มีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19 หรือ เอฟ-16 จำนวน 2 เครื่อง ขึ้นบินลาดตระเวนรบทางอากาศ (CAP: Combat Air Patrol) ทันที บริเวณแนวชายแดน อ.พบพระ และได้สั่งการผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ ประจำสถานเอกอัครทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อแจ้งเตือนและหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต กองทัพอากาศจะติดตามความเคลื่อนไหวสถานการณ์ต่อไปอย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังเหตุการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงพื้นที่ตามเขตแนวชายแดน ตลอด 24 ชั่วโมง

...

กองทัพอากาศไม่ได้ล่าช้า แต่การใช้กำลังทางอากาศมีขั้นตอน และกฎการปะทะ

โฆษกกองทัพอากาศ ชี้แจงเพิ่มเติม กรณีที่เกิดเสียงวิจารณ์ว่า ทอ.ไทยช้า ว่า การตอบโต้ของ ทอ. ไม่ได้ล่าช้า เพราะเราก็ได้รับการรายงาน และเห็นภาพในจอเรดาร์จากสถานีเรดาร์ว่า เมียนมา นำเครื่องบินรบ ขึ้นบินใช้กำลัง แต่เขายังบินวนในเขตของเขา ไม่มีทีท่าว่า จะล้ำแดน เราก็เฝ้าระวังอยู่ตลอด และเราดูว่า ไม่ได้มาในลักษณะของภัยคุกคาม เพราะเจตนาไม่ได้พุ่งตรงปักหัวมาทางทางเรา เพราะหากยังไม่ล้ำแดน เราก็ยังไม่สามารถปฏิบัติการใดๆ ได้ เพราะจะกระทบความสัมพันธ์ ต่อกัน

พลอากาศตรีประภาส กล่าวต่อว่า จนเมื่อเราเห็นว่า ในการใช้อาวุธของเขาแล้ว มีการบินม้วนตัวเข้ามาในเขตไทย เพราะบริเวณชายแดนพบพระ ตรงจุดนั้นเป็นพื้นที่จะงอย จึงได้สั่งการให้เครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 เอ็มแอลยู จำนวน 2 เครื่องของฝูงบิน 403 ตาคลี จ.นครสวรรค์ ที่ Alert อยู่แล้ว ขึ้นบินโดย เอฟ-16 ทั้ง 2 เครื่อง ปฏิบัติบินเข้าพื้นที่การบินเตือน แต่ มิก-29 ก็เข้าไปในเขตเมียนมาแล้ว และพบว่าเป้าหมายจางหายไปจากระบบเรดาร์เฝ้าตรวจการณ์ของกองทัพอากาศ อย่างไรก็ตาม เครื่องบินเอฟ-16 ก็ยังบินลาดตระเวนเฝ้าในพื้นที่ตลอดจนถึงเย็นวันดังกล่าว

Alert 5 การขึ้นสกัดกั้นใน 5 นาที

ด้าน น.อ.ณัฏฐวุธ ดวงสูงเนิน หนึ่งในนักบินขับไล่ Gripen รุ่นที่ 1 ของกองทัพอากาศ Call Sign "NEON" กล่าวอธิบายถึงคำว่า Alert 5 ในคลิปยูทูบ RTAF INSIDER Ep 1 ว่า หมายถึงการเตรียมพร้อมเครื่องบินขับไล่ที่พื้น โดยที่สามารถวิ่งขึ้นได้ใน 5 นาที สำหรับกองทัพอากาศเราก็ยึดหลัก Alert 5 เช่นกัน โดยทันทีที่เรดาร์ของกองทัพอากาศจาก คปอ.ดอนเมือง จับเป้าหมายเครื่องบินข้าศึกไม่ปรากฏสัญชาติ ก็จะสั่งให้เครื่องวิ่งขึ้นใน 5 นาที เพื่อเข้าสกัดกั้นเครื่องบินข้าศึก หรือเครื่องไม่ปรากฏสัญชาติ

...

เปิดใจ ผบ.ทอ.แจงระบบป้องกันภัยทางอากาศเราไม่แพ้ใคร

พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ.เปิดใจถึงกรณีคำวิจารณ์ว่า ทอ.ไทยช้า และสงสัยว่าเครื่องบิน นักบิน ผู้บังคับบัญชาระดับสูงมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพหรือไม่ว่า อยากจะบอกว่า ที่ติชมมามีส่วนถูกต้อง แต่ขอชี้แจงว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของเรานั้นดีมาก ไม่ได้อ่อนด้อย อย่างที่บางคนสงสัย เครื่องบินดี นักบินดี ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพอากาศ มีการตัดสินใจที่ดี บางครั้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้วัดกันที่ความรวดเร็ว แต่วัดกันที่ความสุขุม รอบคอบ มีหลัก มีเหตุมีผล คำนึงถึงสถานการณ์ที่พอเหมาะพอควร เหมาะสมกับสถานการณ์แล้ว

ผบ.ทอ. กล่าวต่อว่า กับเรื่องนี้ผมก็เหมือนกับทุกท่าน ผมก็เดือดเหมือนกัน บางทีอาจจะเดือดกว่าพี่น้องประชาชนอีกด้วย แต่จากที่ได้คุยกับ ผบ.ทอ.เมียนมา ก็ขอให้เขากำกับดูแลการปฏิบัติการของท่านให้อยู่ภายในประเทศแล้ว เขาขอโทษมา โดยชี้แจงว่า ในช่วงนั้น สภาพอากาศไม่ดี และเกิดขึ้นครั้งแรก ที่ผ่านมาเขาก็ระมัดระวัง แต่ด้วยสภาพภูมิอากาศ และภูมิประเทศอยู่บนท้องฟ้า ก็จะไม่รู้ว่ามันผ่านล้ำมาในบ้านของคนอื่น เขาก็ขอโทษมาด้วย นอกจากนี้เราก็ใช้ช่องทางด้านการต่างประเทศ ผ่านทูตทหารเพื่อดำเนินการประท้วงตักเตือนไป

...

"เรามีระบบเรดาร์ตรวจจับเขาได้ และมีสายข่าวที่ดี สามารถรู้ได้ว่า เขาจะปฏิบัติการเมื่อใด ในพื้นที่ไหน หากรู้ล่วงหน้า ก็จะส่งเครื่องบินขึ้นไปปฏิบัติการ Combat air patrol (CAP) หรือการลาดตระเวนรบเพื่อแสดงท่าทีว่า พื่นที่นี้เป็นพื้นที่ของเรา ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้เชื่อมั่นในกองทัพอากาศอย่างเช่นที่เคยเชื่อมั่นมาตลอด และโปรดไว้วางใจเรา ผมก็เป็นเหมือนทุกท่านนั่นแหละ ที่รักชาติ จึงขอให้ความเชื่อมั่นว่า เครื่องบินที่เราส่งขึ้นไป การขึ้นไปของนักบินของเรา หากยังพบว่า ทางโน้นยังมีความพลั้งพลาด ด้วยเจตนาจงใจ หรือไม่ก็ตาม เราจะดำเนินการในขั้นเด็ดขาด แต่ภายใต้ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ใหญ่ ไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ และไม่ทำให้เรื่องใหญ่ ให้ใหญ่ขึ้นไปอีก เราจะทำในสิ่งที่เหมาะควร" พล.อ.อ.นภาเดช กล่าว

การป้องกันภัยทางอากาศมี 3 ขั้นตอนสำคัญ

ผบ.ทอ. กล่าวว่า โดยปกติการป้องกันภัยทางอากาศ หลักๆ จะมี 3 ส่วนสำคัญ 1 คือ การพิสูจน์ฝ่าย โดยตรวจจับด้วยเรดาร์เฝ้ามอง หากพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย ก็จะติดต่อทางวิทยุ เพื่อถามเจตนาก่อน แต่ถ้าติดต่อไปแล้วไม่ตอบ แล้วยังมุ่งหน้าเข้ามาจะเป็นขั้นต่อไป 2. การสกัดกั้น คือ จะส่งเครื่องบินขึ้นไปลาดตระเวนรบรักษาเขต เพื่อประกบเป้าหมาย และ 3 หากยังไม่หยุดเข้ามาก็จะต้อง ทำลายเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เมียนมาก็เหมือนเพื่อนของไทย หากเพื่อนบ้านเดินลัดสวนหน้าบ้าน เราจำเป็นต้องยิงให้เขาตายหรือไม่ มันก็อาจจะเกินไป การปฏิบัติการที่เหมาะสม ก็คือ การปฏิบัติที่เพื่อนทำต่อเพื่อน

มุมมองของผู้เขียนที่มีต่อเหตุการณ์นี้

แน่นอนว่า การล้ำน่านฟ้าและยังมีการใช้อาวุธเหนือเขตประเทศไทย ย่อมเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และต้องมีการดำเนินการประท้วงผ่านช่องทางการทูตอย่างแรกๆ ต่อมาคือการส่ง เอฟ-16 เข้าพื้นที่ภายหลังการรับแจ้ง Alert นั้น ก็ย่อมใช้เวลาเดินทางจากฐานบินของกองบิน 4 ทอ.ตาคลี มายัง อ.พบพระ ย่อมมาไม่ทันช่วงที่มิก-29 ล้ำแดน เพราะเป็นการเคลื่อนที่เข้ามาในช่วงสั้นๆ ดังนั้น การตอบโต้ด้วยช่องทางการทูต และเตือนไปยัง ผบ.ทอ.เมียนมา จึงเป็นสิ่งที่สมควรแก่เหตุ และเหมาะสมกับเหตุการณ์ และน่าจะมีการเพิ่มการวางกำลังเครื่องบินเอฟ-16 ไปยังฐานบินที่ใกล้กับชายแดน เพื่อการขึ้นปฏิบัติการได้ทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม การป้องกันทางอากาศ ไม่ได้มีเพียงแค่การส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นสกัดกั้นเพียงอย่างเดียว หากแต่กองทัพอากาศไทยยังสามารถร่วมมือกับกองทัพบก ในการดูแลอธิปไตย รวมทั้งเลือกวางกำลังขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านอากาศของ ทบ.อย่าง VL-MICA หรือ รถสายพานลำเลียงติดปืนกลวัลแคน 20 มม.จับเป้าหมายด้วยเรดาร์ ก็จะช่วยรับมือกับภัยทางอากาศ ทั้งอากาศยาน รวมไปถึงกรณีมีหัวรบ หรือกระสุนปืนใหญ่ตกมาในฝั่งไทย ก็เป็นอีกมาตรการป้องกันที่สามารถกระทำได้ และมียุทโธปกรณ์พร้อมใช้งาน 

ทั้งนี้ การที่ กองทัพอากาศไทย มีการตอบสนองและขั้นตอนที่รอบคอบ ย่อมทำให้การตัดสินใจตอบสนองต่อเหตุไม่บานปลาย หรือเกินกว่าเหตุ (Over React) ที่อาจนำมาซึ่งความขัดแย้งตามมา รวมทั้งฝ่าย ทอ.เมียนมา ที่ต้องทบทวนรูปแบบการบินและใช้อาวุธ ไม่ให้รุกล้ำอธิปไตยเพื่อนบ้าน ก็เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก...

ผู้เขียน : จุลดิส รัตนคำแปง

ที่มาข้อมูลและภาพประกอบ : ยูทูบและเฟซบุ๊ก ช่อง WassanaNanuam, เฟซบุ๊ก ข่าวประจำวัน กองทัพอากาศ, เฟซบุ๊ก กองทัพอากาศไทย, ยูทูบช่อง RTAF Channel.