การสู้รบที่แนวชายแดนใน อ.พบพระ ยังดุเดือดเข้าวันที่ 5 ทหารสองฝ่ายเสริมกำลังยิงปะทะกันทั้งวัน พร้อมเครื่องบินมิก-29 เมียนมาโฉบโจมตีทุกชั่วโมง ส่วนผู้อพยพข้ามมาอีก 307 ราย จนท.ไทยดูแลแล้ว
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 30 มิ.ย. 65 สถานการณ์การสู้รบเพื่อแย่งชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา หลังการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู กองพัน 27 หน่วยจู่โจมที่ 201 และ 103 กองพลน้อยที่ 6 และฝ่ายพันธมิตรสามฝ่ายที่นำกองกำลังทหารพร้อมอาวุธครบมือบุกเข้าโจมตีฐานทหารเมียนมา ฐานบ้านอูเกรทะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองพันทหารเมียนมาที่ 32 ชุดเคลื่อนที่เร็วที่ 559 บก.ควบคุมที่ 13 อำเภอซูการี จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้ามกับห้วยแม่หม้าย หมู่ที่ 2 บ้านวาเล่ย์ใต้ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ล่วงเลยเป็นวันที่ 5
ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเครื่องบินรบของกองทัพเมียนมาจำนวน 2 ลำ โดยมี มิก-29 ฟัลครัมของ ทอ.เมียนมา ได้บินเข้าไปทิ้งระเบิดหลายลูก และยิงปืนกลอากาศใส่พื้นที่แนวปะทะรอบฐานบ้านอูเกรทะ และมีการยิงปะทะภาคพื้นดินระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายที่ต่างฝ่ายต่างเสริมกำลังประจันหน้ากัน และมีการระดมยิงอาวุธหนักใส่กันยาวมาถึงช่วงเช้าวันนี้การปะทะก็ยังไม่ยุติ แต่กลับเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น จนสงครามแย่งชิงพื้นที่ฐานบ้านอูเกรทะ มีการปะทะเป็นวันที่ 5 ซึ่งล่าสุดเมื่อเวลา 08.40 น. ของเช้าวันนี้ เครื่องบินรบทหารเมียนมาได้บินเข้าไปยิงจรวดหลายสิบนัด ถล่มเข้าไปในบังเกอร์หลบภัยของทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูที่หลบซ่อนตัวอยู่ใกล้กับฐานอูเกรทะ ซึ่งการโจมตีทางอากาศต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 นี้ก็สร้างความหวาดกลัวให้ราษฎรไทยที่มีบ้านเรือนติดแนวตะเข็บชายแดนเป็นอย่างมาก บางรายถึงขั้นไม่กล้าเข้าบ้าน ต้องขอไปพักอาศัยที่บ้านญาติในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว
...
ขณะเดียวกันผลกระทบจากสงครามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา คือผู้หนีภัยจากการสู้รบล่าสุดหลังมีการโจมตีทางอากาศแบบทั้งวันทั้งคืนและการโจมตีทางอากาศมีการใช้ลูกระเบิดร้ายแรงแบบคลัสเตอร์บอมบ์ ทำให้ราษฎรกะเหรี่ยงในหมู่บ้านกะเลทะ ฝั่งเมียนมา ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่แนวตะเข็บชายแดนและหมู่บ้านตั้งอยู่ตรงข้ามกับหมู่บ้านและมอเกอร์ไทย จังหวัดตาก ชาวกะเหรี่ยงฝั่งเมียนมาซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิงและคนชราต้องหอบกระเป๋าสัมภาระเท่าที่จำเป็นที่จะนำติดตัวมาได้หนีข้ามลำห้วยวาเล่ย์ ซึ่งเป็นลำห้วยที่กั้นพรมแดนไทย-เมียนมาและกว้างเพียง 10 เมตร หลังหมู่บ้านดังกล่าวมีลูกระเบิดปืน ค.120 มม. หลายลูกไปตกกลางหมู่บ้านจนชาวบ้านต้องหนีตายข้ามชายแดนแบบโกลาหล
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอพบพระ จังหวัดตาก รับตัวผู้หนีภัยการสู้รบมาพักอาศัยในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบ้านมอเกอร์ไทย หมู่ที่ 1 ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งล่าสุดช่วงเช้าวันนี้มียอดผู้หนีภัยรวมจำนวน 307 คน โดยมีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลตามหลักสากลและตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งขณะนี้ยอดผู้หนีภัยชาวเมียนมายังไม่นิ่ง และคาดว่าจะมียอดผู้หนีภัยการสู้รบในเมียนมา ขอข้ามมาหลบภัยสงครามชั่วคราวเพิ่มเติมอีก หลังการยิงปะทะของทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูกับทหารเมียนมายังคงมีความรุนแรงมากขึ้น โดยคาดว่าจะสู้รบกันอีกหลายวัน หลังกองกำลังทหารทั้งสองฝ่ายต่างระดมเสริมกำลังทหารและอาวุธเข้าไปในพื้นที่แนวหน้าอย่างต่อเนื่อง
...
ส่วนฝ่ายความมั่นคงอำเภอพบพระ ได้ส่งกำลังทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองเข้าเฝ้าพื้นที่ช่องทางธรรมชาติและลาดตระเวนพื้นที่ตรงข้ามกับจุดปะทะอย่างเข้มงวด หลังจากการสู้รบตลอด 4 วันที่ผ่านมา มีกระสุนปืน และลูกระเบิดลอยข้ามมาตกในเขตฝั่งไทยแล้วหลายลูก จนทหารต้องยิงกระสุนควันเตือนข้ามไปหลายครั้ง ซึ่งสถานการณ์ชายแดนยังคงตึงเครียดและต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด.