ประธานชมรมกาแฟพิเศษน่าน ออกโรงชี้แจงดราม่ากาแฟแพง หมู่บ้านสะปัน แก้ว 300 ซิกเนเจอร์แก้วละ 900 ยอมรับแพงเว่อร์ คุณภาพไม่สมราคา สอบถามเจ้าของยังคลุมเครือ เรื่องสายพันธุ์ ขณะที่ทางจังหวัดนัดถกผู้ประกอบการ เคาะมาตรฐานการให้บริการและราคา 11 มกราคมนี้
จากกรณีดราม่านักท่องเที่ยวโพสต์กาแฟสะปันแก้ว 300 ซิกเนเจอร์แก้วละ 900 โดยเจ้าของร้านพูดว่า “กาแฟกระจอกผมไม่ขาย” ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าแพงเกินจริงหรือไม่ จนกระทบภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว รวมทั้งกาแฟเมืองน่าน ซึ่งปีที่ผ่านมาชนะการประกวดกาแฟระดับประเทศมากว่า 10 รางวัล
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชมรมกาแฟพิเศษน่าน ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าว พร้อมออกแถลงข้อความว่า ตามที่ภาพและข่าวที่ได้เผยแพร่ในชื่อสังคนออนไลน์ เรื่อง ราคากาแฟแก้วละ 100 - 400 บาท ณ หมู่บ้านสะปัน อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดน่าน โดยข่าวที่นำเสนอ ออกไปนั้นได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ของกาแฟน่าน ที่ทางชมรมกาแฟพิเศษน่าน NAN NEW WAVE ได้ผลักดันให้กาแฟน่านให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่รับรู้ในประเทศไทย และนานาประเทศ นั้น
ในการนี้ ชมรมกาแฟพิเศษน่าน NAN NEW WAVE ขอชี้แจงว่าการเข้ามาขายกาแฟ ในพื้นที่บ้านสะปันของบุคคลดังกล่าว จนเกิดกระแส การขายกาแฟราคาแพงเกินจริง จนกระทบต่อภาพลักษณ์ กาแฟน่านและร้านกาแฟในจังหวัดน่าน ทางชมรมกาแฟพิเศษน่าน ขอชี้แจงว่าบุคคลดังกล่าวมิใช่คนในพื้นที่ และไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับวงการกาแฟน่าน ชมรมกาแฟพิเศษน่าน ส่วนข้อเท็จจริงอื่นๆ ทางชมรมกาแฟพิเศษน่าน และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจะเข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป และหากมีการแอบอ้างและขายสินค้าเกินคุณภาพราคา ทางชมรมกาแฟพิเศษน่าน จะร้องทุกข์กับ สคบ. เพื่อดำเนินเรื่องทางกฎหมายเพื่อมิให้เสียภาพลักษณ์และชื่อเสียงกาแฟน่าน
...
หลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบร้านกาแฟและกาแฟ แก้วละ 900 บาทดังกล่าว พบเป็นกาแฟอะราบิก้าคั่วไฟกลาง รสชาติหอมอร่อย ราคามาตรฐานตามท้องตลาด ไม่น่าจะเกินแก้วละ 150 บาท ทั้งนี้แหล่งข่าวได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าซื้อมาจากไร่กาแฟแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน
ด้าน นายภีร์นริศร์ ผ่องหทัยกุล ประธานชมรมกาแฟพิเศษจังหวัดน่าน และเจ้าของกิจการโรงคั่วกาแฟ น.น่าน Lab & Roastery กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาทางชมรมได้ร่วมกับเกษตรกรพัฒนาผลักดันกาแฟน่านให้เป็นที่รู้จักส่งกาแฟเข้าประกวดที่สมาคมกาแฟพิเศษไทยจนได้รับรางวัลชนะเลิศลำดับที่ 1 และที่ 2 และรางวัลอื่นอีกรวม 6 รางวัล และของไร่กาแฟเดอะม้งอีก 4 รางวัล รวมเป็น 10 รางวัล ดังนั้นกาแฟน่านปีที่ผ่านมาจะมีชื่อเสียงและเป็นที่สนใจเป็นอย่างมาก เพราะเราคว้ารางวัลอันดับ 1 และ 2 มาหลายรางวัล
จนมาถึงดราม่ากาแฟที่สะปัน เราในฐานะผู้ประกอบการก็รู้สึกไม่สบายใจว่าราคา เพราะคนมาเที่ยวน่านมากินกาแฟน่านก็ต้องประทับใจ แต่ตอนนี้เกิดดราม่าขึ้นมาว่าทำไมกาแฟที่สะปันของบุคคลท่านนี้ถึงราคาสูงมาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการขายกาแฟในตลาดของน่าน มันก็มีราคากลางตามความเป็นจริงอยู่ เราขายก็ไม่ได้ราคาแพงจนโอเวอร์ไป เราขายในร้านกาแฟมาตรฐานจะอยู่ที่ 50-90 บาท อยู่ที่ว่าเป็นสถานที่ในเมืองหรือแหล่งท่องเที่ยว
แต่ที่จะโอเวอร์ขึ้นไปถึงราคา 800-900 นั้น หรือ 400-500 นั้นกาแฟมันต้องพิเศษจริงๆ อย่างเช่นเกอิชาของจังหวัดน่าน ที่ถือว่าหายากที่สุดที่คว้ารางวัลอันดับ 1 มา ราคาในท้องตลาดอยู่ที่กิโลกรัมละ 20,000 บาท ก็ยังขายในราคาแก้วละ 300-400 บาท
ทั้งนี้ทางชมรมกาแฟพิเศษน่าน ได้ออกแถลงหลังเข้าตรวจสอบร้านกาแฟดังกล่าวว่า ชี้แจงกรณีดราม่ากาแฟราคาแพงที่สะปันจากการลงพื้นที่ของชมรมพบว่าร้านค้าทั่วไปอยู่ในเรตราคาปกติของแหล่งท่องเที่ยว จะมีเฉพาะบุคลที่เป็นข่าว กาแฟรถ Food Truck ที่ตั้งราคาในราคาที่สูง โดยอ้างว่ามีป้ายราคาชัดเจนแล้ว จากการได้ชิมรสชาติ กาแฟในราคา 900 บาทสามารถประเมินได้ว่า เป็นกาแฟอะราบิก้าคั่วกลางอ่อน มีรสหอมคล้ายช็อกโกแลต ผลไม้อบแห้งสะอาด แต่คุณภาพโดยรวมประเมินว่า ยังไม่ถึงราคา 900 บาท และจากการสอบถามเจ้าของก็ได้รับคำชี้แจงที่คลุมเครือ เรื่องสายพันธุ์กาแฟ ไม่สามารถตอบได้ว่าสายพันธุ์ที่นำมาใช้คืออะไรและไม่ใช่คำตอบของนักแปรรูปกาแฟ เรื่องราวการแปรรูป พื้นที่เพาะปลูกต่างๆ ผิดวิสัยการขายกาแฟราคาเกรด Specialty ที่ผู้ขายจะต้องมีความรู้ความสามารถ ความเข้าใจในตัวกาแฟที่สูงคุณภาพ ของเมล็ดกาแฟ สายพันธุ์ที่พิเศษ เช่น Gesha ซึ่งให้เทสต์ที่พิเศษ มีความหอมของดอกไม้เป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจน และยังอุปกรณ์ในการสกัดกาแฟเครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องบดไม่สอดคล้องกับราคาในระดับ 900 บาท
และจากการสอบถามจากหลายฝ่ายเรื่องไร่กาแฟของบุคคลท่านนี้ที่ได้กล่าวอ้างว่ามีไร่กาแฟส่งออกปีละ 12 ตัน เป็นของตัวเองนั้น ได้รับคำตอบไม่ตรงกันสักครั้งโดยได้กล่าวอ้างว่ามีไร่ที่ตากบ้าง แม่ฮ่องสอนบ้าง และกล่าวอ้างกับสื่อมวลชน ว่ามีที่เชียงใหม่ จึงสรุปว่าบุคคลนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ
อนึ่งเรื่องการบริการของลูกค้าจากการสอบถามบุคคลท่านนี้กล่าวว่ามิได้มีพฤติกรรมด่าทอลูกค้า แต่จากการรับชมคลิปที่ให้สัมภาษณ์กับทางสื่อประกอบ ทางชมรมเห็นว่า เป็นพฤติกรรมที่แสดงความก้าวร้าวไม่เหมาะสม และทำให้ทุกคนเข้าใจผิดเสียภาพลักษณ์คนกาแฟและร้านกาแฟน่าน
ทางชมรมเห็นควรเข้าตรวจสอบอย่างเป็นทางการอีกครั้งกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งเรื่องราคาเกินจริงและพฤฤติกรรมในการบริการที่ไม่เหมาะสม เพื่อมิให้เสียชื่อเสียงต่อผู้ประกอบการกาแฟในจังหวัดน่านต่อไป
ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลจากคณะกรรมการหมู่บ้านสะปัน ทราบว่าชายรายดังกล่าวได้เข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่ก่อนสิ้นปี และเข้ามาแจ้งเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 โดยแจ้งว่าจะมาขอพักที่ลานกางเต็นท์ แต่ก็เห็นว่าขายกาแฟด้วย ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเป็นการทำกินและอีกอย่างปีที่ผ่านมาก็มาขายอยู่ที่นี่ประมาณ 2 เดือนคือเดือนธันวา และมกราคม แต่ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไร
โดยชายรายดังกล่าวได้ออกจากพื้นที่ไปแล้วตั้งแต่เย็นวานนี้ (5 ม.ค. 65) โดยไม่ทราบว่าเดินทางไปที่ไหน หลังจากนี้หากใครเข้ามาขายของขายสินค้าในพื้นที่ต้องเข้มงวดกวดขันรวมทั้งต้องขออนุญาตจากทางชุมชนก่อนเพื่อป้องกันการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวอีก ทั้งนี้ทางจังหวัดน่านเองจะได้เรียกผู้ประกอบการมาประชุมและกำหนดมาตรการ ทั้งการบริการ และราคาในวันที่ 11 มกราคม 2565 เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ให้สมกับเป็นเมืองท่องเที่ยว