ชาวกะเหรี่ยง 500 คน สมัครใจขอกลับมาตุภูมิในเขตประเทศเมียนมาเพื่อตรวจสอบความเสียหายในหมู่บ้าน หลังเสียงปืนจากการปะทะในฝั่งตรงข้ามอ.แม่สอด เงียบเสียงลงชั่วคราว ขณะที่คนไทยระดมสิ่งของบริจาคช่วยเหลือผู้หลบหนีภัยสงคราม ที่ยังเหลืออีกกว่า 4 พันคน 

 

เวลา 14.00 น. วันที่ 28 ธ.ค. สถานการณ์การสู้รบในฝั่งประเทศเมียนมา โดยเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมายังมีการยิงปะทะกันประปรายระหว่างทหารเมียนมากับทหารเคเอ็นยู ฝั่งตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งการยิงปะทะช่วงบ่ายเริ่มออกห่างจากแนวชายแดนไปไกลหลายกิโลเมตรและเริ่มเบาบางลงกว่าทุกวันที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลทำให้ชาวกะเหรี่ยงที่อพยพหนีภัยจากการสู้รบที่มาหลบอาศัยในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวที่บ้านแม่กุหลวง หมู่ 9 ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จำนวน 501 คนจากยอดผู้หนีภัยยอดกว่า 4,500 คน สมัครใจขอเดินทางกลับมาตุภูมิในฝั่งประเทศเมียนมา โดยฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอดได้เคลื่อนย้ายชาวกะเหรี่ยงที่สมัครใจกลับมาตุภูมิในครั้งนี้ขึ้นรถยนต์ลำเลียงไปส่งที่ริมแม่น้ำเมยในพื้นที่จุดปลอดภัยสองแห่ง ท่ามกลางความยินดีของชาวกะเหรี่ยงทั้ง 501 คนที่ได้เดินทางกลับบ้านในบ่ายวันนี้

...

ขณะเดียวกันที่กองอำนวยการร่วมของฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณศาลากลางหมู่บ้านแม่โกนเกน ปากทางเข้าท่าคอกวัวเมยโค้งมหาวัน หมู่ 9 ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด วันนี้ได้มีกลุ่มคนไทยทั้งในพื้นที่อำเภอแม่สอดและจากต่างจังหวัดจำนวนมากได้รวมพลังกันเดินทางนำสิ่งของที่จำเป็นทั้งอาหารแห้งและสิ่งของเครื่องใช้ทั้งของเด็กและของผู้ใหญ่ตลอดรวมถึงยาเวชภัณฑ์จำนวนมากมาบริจาคให้ผู้หนีภัยจากการสู้รบชาวกะเหรี่ยงที่มาพักอาศัยชั่วคราวอยู่ภายในท่าคอกวัวเมยโค้งมหาวัน ล่าสุดมียอดผู้หนีภัยจากการสู้รบพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวกว่า 4,000 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สอดดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและมีทีมแพทย์สาธารณสุขอำเภอแม่สอดเข้าตรวจสุขภาพการรักษาคนป่วยหลายคนที่เจ็บป่วยจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและหนาวเย็นในช่วงเวลากลางคืน

ขณะที่สถานการณ์การสู้รบขณะนี้สงบลงชั่วคราว แต่ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สอดยังคงตรึงกำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์ในประเทศเมียนมาอย่างใกล้ชิด