ชาวเมียนมาที่หนีภัยการสู้รบที่พักในพื้นที่พักพิงชั่วคราว อ.แม่สอด จำนวน 178 คน สมัครใจขอเดินทางกลับมาตุภูมิเป็นชุดแรก หลังสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยูเสียงปืนสงบลง ทหารทั้งสองฝ่ายเจรจาหยุดยิงชั่วคราว เผยฝ่ายพม่าและพันธมิตรตายแล้ว 20 โดนจับ 8

เวลา 12.00 น. วันที่ 18 ธ.ค. สถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมาที่สนธิกำลังกับกองกำลังพิทักษ์ชายแดนหรือ บีจีเอฟ ยิงปะทะกับกองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยง KNLA และกะเหรี่ยงเคเอ็นยูและกองกำลังพิทักษ์ประชาชน PDF ที่บริเวณพื้นที่หมู่บ้านมอโท้ตะเล เขตจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้ามกับบ้านดอนชัยริมเมย หมู่ที่ 6 ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

สถานการณ์วันนี้เริ่มคลี่คลายและสงบลง หลังจากทหารทั้งสองฝ่ายเปิดฉากระดมยิงปะทะกันด้วยอาวุธหนักติดต่อกันนานสามวัน ซึ่งหลังเสียงปืนจากการปะทะได้ยุติลง มีรายงานเบื้องต้นว่า ทหารเมียนมาและกองกำลังพิทักษ์ชายแดนหรือบีจีเอฟ เสียชีวิตไป 20 นายและถูกกองกำลังทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูจับตัวไว้ได้ 8 นาย ยึดอาวุธปืนได้อีกจำนวนหนึ่ง ขณะนี้กองกำลังทหารทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจาหยุดยิงชั่วคราวจึงทำให้สถานการณ์การสู้รบที่พื้นที่แนวชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งตรงข้ามชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ

...

ขณะเดียวกัน หลังมีข่าวการเจรจาหยุดยิงจนเสียงปืนจากการปะทะสงบลงในวันนี้ สร้างความดีใจให้ชาวบ้านสัญชาติเมียนมาในหลายหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบจำนวน 2,676 คนซึ่งได้อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาหลบภัยสงครามอยู่ภายในพื้นที่โรงเรียนบ้านแม่ตาวกลาง หมู่ 5 ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตลอดสามวันที่ผ่านมานั้น จนช่วงเที่ยง ได้ผู้หนีภัยสงครามจำนวน 178 คน ได้สมัครใจร้องขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สอดให้ช่วยส่งตัวกลับมาตุภูมิบ้านเกิดของตนเองจนเจ้าหน้าที่ได้นำรถบรรทุก10 ล้อจำนวนสองคันมารับตัวผู้หนีภัยสงครามชุดแรกเดินทางออกที่พื้นที่แรกรับของโรงเรียนบ้านแม่ตาวกลางออกเดินทางไปส่งที่บริเวณพื้นที่ปลอดภัยที่ท่าข้ามธรรมชาติสองแห่ง คือที่ท่าข้ามธรรมชาติบ้านแม่กุหลวงและท่าข้ามธรรมชาติบ้านดอนชัยริมเมย ขึ้นเรือหางยาวข้ามแม่น้ำเมยกลับบ้านเกิดถึงฝั่งประเทศเมียนมาได้อย่างปลอดภัย ท่ามกลางความดีใจของชาวเมียนมาทุกคนที่ได้เดินทางกลับบ้านเกิดในวันนี้

นางมะเท อายุ 45 ปี หนึ่งในชาวเมียนมาที่ต้องอพยพหนีภัยสงครามจากฝั่งเมียนมา กล่าวว่ารู้สึกกลัวการสู้รบ กลัวลูกที่ยังเล็กสองคนจะได้รับอันตรายจากกระสุนปืนจากการยิงปะทะ จนต้องทิ้งบ้านอุ้มลูกนั่งเรือหางยาวข้ามมาหลบภัยชั่วคราวในพื้นที่ชายแดนอำเภอแม่สอด ขณะนี้เสียงปืนจากการปะทะได้สงบลงตนก็สมัครใจที่ขอเดินทางกลับบ้านเกิดเนื่องจากกลัวว่าทรัพย์สินภายในบ้านจะสูญหาย เพราะครอบครัวหนีภัยสงครามมาหมด

ล่าสุด ยังคงเหลือผู้หนีภัยจากการสู้รบสัญชาติเมียนมาที่อยู่ภายในพื้นที่พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบชั่วคราว โรงเรียนบ้านแม่ตาวกลางอีกจำนวน 2,498 คน ซึ่งทั้งหมดสมัครใจที่จะเดินทางกลับไปประเทศเมียนมาขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการส่งกลับ