สสจ.พิษณุโลก และราชทัณฑ์จ่อแถลงสถานการณ์โควิด-19 ในเรือนจำ หลัง รพ.วังทอง เข้าตรวจ ATK ผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัด 2,190 ราย พบผลเป็นบวก 1,559 ราย ยืนยันไม่ต้อง RT-PCR ซ้ำ แยกผู้ป่วยมารักษาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีวานนี้ (12 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ โรงพยาบาลวังทอง จ.พิษณุโลก ร่วมกับเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ได้เข้าไป ATK หาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 2,190 ราย ปรากฏว่า มีผลเป็นบวก ถึงจำนวน 1,559 ราย โดยเบื้องต้นนั้นจะยังไม่ตรวจ RT-PCR แต่จะแยกโซนผู้ต้องขังไว้ และทำการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ แก่ผู้ต้องขังแล้ว ส่วนผู้ป่วยที่เป็นสีเหลือง ก็จะแยกออกมารักษาที่ รพ.วังทอง ส่วนผู้ที่ได้ผลลบจะนำไปตรวจอีกครั้งเพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่ติดเชื้อโควิด
เบื้องต้นทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิษณุโลก จึงมีข้อสั่งการในการทำแผนเผชิญเหตุ ดังนี้ 1. ทีมปฏิบัติการ Operation และทีม Logistics ของ สสจ.จังหวัด นำโดยนายแพทย์รัฐภูมิ ชามพูนท รองนายแพทย์สาธารณสุขฯ ลงตรวจสอบพื้นที่เพื่อทำการสนับสนุนกำลังพลและอุปกรณ์ต่างๆ ร่วมกับทางพื้นที่โรงพยาบาลวังทองและสาธารณสุขอำเภอ โดยเร่งในการควบคุมและดูแลรักษาโรคให้อยู่ในความเรียบร้อย โดยให้ทำการประสานกับทีมต่างๆ ของจังหวัดและหน่วยงานต่างๆ เพื่อบูรณาการร่วมกัน ในการดูแลรักษาผู้ต้องขังในเรือนจำให้มีความปลอดภัย

...
2. จัดการแถลงข่าวในวันจันทร์ ที่ 13 ธ.ค. 2564 เวลา 16.00 น. ที่ ห้องประชุมบุณยวงศ์วิโรจน์ ชั้น 5 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก โดย นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัด, นายแพทย์ไกรสุข เพชระบูรณิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก นายแพทย์สุชาติ พรเจริญพงศ์ ผอ.รพ.พุทธชินราช และผู้บัญชาการเรือนจังหวัด พล.เป็นผู้ร่วมแถลงฯ
เบื้องต้น สสจ.พิษณุโลก ได้รับการอนุมัติจากปลัดกระทรวง สธ. ในการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ และชุดตรวจ ATK มาเพิ่มสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ เป็นที่เรียบร้อย หลังจากระดมตรวจ ATK ในวันนี้ (13 ธ.ค.) กับผู้ต้องขังเรือนจำทั้งหมดจำนวนประมาณ 2,500 คนเพื่อแยกกลุ่ม ATK เป็นบวกและเป็นลบ และทำการคัดกรองออกซิเจนปลายนิ้วในกลุ่มที่ ATK เป็นบวกให้ทานยาทันทีทุกรายที่ผลเป็นบวก แยกกลุ่มสีแดงออกมาก่อนโดย ใช้การวัดออกซิเจนปลายนิ้ว เพื่อแยกออกมารักษาในโรงพยาบาล ป้องกันการเสียชีวิตและทรุดลงในเรือนจำ.