สยอง ไฟคลอกโจ๋ 17 นั่งรถเป็นเพื่อนตาเพื่อจะไปต่อภาษีรถ ระหว่างทางเห็นตำรวจตั้งด่าน รีบหยุดและถอยรถเพราะกลัว เนื่องจากภาษีรถขาดมา 3 ปี ถูกกระบะขับตามหลังชนท้ายพุ่งตกลงร่องกลางถนนไฟลุกท่วมดับ
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 22 พ.ย.64 ร.ต.อ.อุดม ตาใจ รอง สว.สอบสวน สภ.เกาะคา จ.ลำปาง รับแจ้งเหตุรถชนกันเกิดไฟลุกไหม้ มีผู้เสียชีวิตถูกไฟคลอกภายในรถ ที่บริเวณใกล้กับด่านช่างน้ำหนักเกาะคา ถนนพหลโยธินลำปาง-ตาก ต.ศาลา อ.เกาะคา จ.ลำปาง จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยรถดับเพลิง แพทย์รพ.เกาะคา หน่วยกู้ภัยสมาคมกู้ภัยเกาะคา และหน่วยกู้ภัยสมาคมกู้ภัยลำปาง
ที่เกิดเหตุบนถนนพหลโยธิน ขาขึ้นลำปาง ที่ร่องกลางถนนพบรถเก๋งมิตซูบิชิ รุ่นเก่า หมายเลขทะเบียน กฉ 6427 ลำปาง ถูกชนเข้าที่ด้านท้ายรถจนยุบ และไฟกำลังโหมลุกไหม้ จนท.จึงช่วยกันดับเพลิง ใช้เวลาไม่นานก็สามารถดับเพลิงได้สำเร็จ หลังเพลิงสงบภายในที่นั่งข้างคนขับพบศพ นายวสิงห์หล สายสุด อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.3 ของ กศน. ถูกไฟคลอกจนดำเป็นตอตะโก จนท.ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำร่างออกมาจากรถใช้เวลาไม่นานก็สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้ ใกล้กันพบรถกระบะโตโยต้าตอนเดียว สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ฒท 1212 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้ารถพังยับ มีนายชัยรัตน์ ขจรวีรพันธ์ อายุ 40 ปี เป็นคนขับ ยืนรอให้การกับตำรวจ
นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบ นายถนอม ชัยวังตา อายุ 81 ปี ซึ่งเป็นอดีต ผญบ.บ้านนาแก้ว อ.เกาะคา และเป็นคนขับรถเก๋งคันที่ถูกไฟไหม้ อยู่ในสภาพตกใจ และได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย พร้อมเปิดเผยว่า ตนเองกำลังขับรถเก๋งคันดังกล่าวเพื่อจะไปต่อภาษีรถยนต์ ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดลำปาง หลังจากไม่ได้ต่อภาษีประจำปีมาได้ 3 ปี แต่พอขับรถเลยด่านน้ำหนักมาเล็กน้อยประมาณ 50 เมตร พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะคากำลังตั้งด่านกวดขันวินัยการจราจรบนถนน ด้วยความตกใจจึงรีบเบรกรถแล้วจอดรถอยู่บนถนนฝั่งขวา จนมีรถกระบะคู่กรณีที่ขับตามมาพุ่งชนท้ายจนรถตกไปที่ร่องกลางถนน ตนเองและคู่กรณีได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่หลานติดอยู่ภายในรถ ไม่กี่วินาทีรถก็มีควันและมีไฟลุกท่วมตามมา ตนเอง คู่กรณี และพลเมืองดีต่างพยายามช่วยกันนำหลานออกมา แต่ว่าไฟได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จึงไม่สามารถช่วยหลานออกมาจากรถได้ จนถูกไฟคลอกดังกล่าว
ด้านนายชัยรัตน์ คนขับกระบะ เปิดเผยว่า ตนเองขับรถมาจาก กทม.มุ่งหน้าเชียงใหม่ โดยใช้ความเร็วไม่น่าจะเกิน 100 กม. เพราะเพิ่งออกมาจากปั๊มน้ำมันได้ไม่นาน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุจู่ๆ รถเก๋งคันดังกล่าวซึ่งขับนำหน้าก็จอดแบบกระชั้นชิด และยังถอยรถอีก ตนมาทราบภายหลังว่าคนขับจอดเพื่อหลบด่านตำรวจ ซึ่งตั้งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ตอนนั้นตนยอมรับว่าทำอะไรไม่ทันแล้ว เพราะเขาจอดกระชั้นชิดเกินไป ตอนนั้นคิดว่าต้องชนท้ายรถเก๋งแน่ๆ จึงเบี่ยงตัวหลบและชนท้ายรถเก๋งจนรถทั้งสองคันพุ่งตกลงเกาะกลางถนนจนเกิดเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่าในระยะกระชั้นชิดคงไม่มีใครหลบทัน แถมรถเก๋งยังถอยหลังรถอีก หากตนไม่ชนท้ายก็คงต้องหักหลบและคงไปชนกับเสาป้ายข้างทางและอาจจะเสียชีวิตได้เช่นกัน และหลังจากที่ชนแล้วตนเองได้กลิ่นแก๊สแอลพีจีออกมาจากรถเก๋ง ต่อมาก็เกิดควันและไฟลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นได้ช่วยกันพยายามนำน้องออกมา แต่ไม่ทัน เพราะไฟลุกเร็วมากจนเกิดเหตุสลดดังกล่าว.
...