สรุป แก๊งปาร์ตี้หมูกระทะในวัดดังเชียงใหม่ พระ 6 ฆราวาส 2 จับสึกไม่ได้ ผิดแค่ปาจิตตีย์เหมือนลหุโทษ ไม่ร้ายแรง ตำรวจเตรียมส่งฟ้องทั้งผ้าเหลือง 

วันที่ 30 ส.ค. 64 พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ได้นำเรื่องปรึกษากับพระราชรัชมุนี เจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ กรณีกลุ่มพระสงฆ์ล้อมวงฉันหมูกระทะ และดื่มเบียร์ยามวิกาล ในทางสงฆ์ ความผิดที่เกิดขึ้นไม่เข้าข่ายอาบัติปาราชิก 4 ที่ประกอบด้วย เสพเมถุน ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) และ กล่าวอวดอุตริ จึงไม่ต้องลาสิกขาบทตามธรรมวินัย ขณะที่พระสงฆ์ทั้งหมดก็ไม่สมัครใจลาสิกขา ทำให้ไม่สามารถบังคับได้

ส่วนในการดำเนินคดี แม้จะไม่ลาสิกขา แต่พนักงานสอบสวนสามารถนำตัวส่งฟ้องผู้ต้องหาขณะยังครองผ้าเหลืองได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข ซึ่งพนักงานสอบสวนจะส่งฟ้องศาลแขวงจังหวัดเชียงใหม่ภายใน 48 ชั่วโมงหลังจับกุม

สำหรับคดีนี้ พนักงานสอบสวนดำเนินคดีพระครูปลัดสุรเดช สายแผ่เยือง อายุ 34 ปี เจ้าอาวาสวัดยางกวง พระครูมนูญธรรมศาสถ์พุทธกร วิมุตติญาณกุง อายุ 41 ปี พระอธิษฐณัฏฐ์ ปัญญาอินแก้ว อายุ 34 ปี พระภานุกร คำป็อก อายุ 42 ปี พระใบฏีกายนนนท์ ปัญญาปโตยานนท์ประทุม อายุ 35 ปี พระทักษิณ ศรีธิ อายุ 36 ปี นายจรัสวลี ราชสมบัติ อายุ 23 ปี และนายสหการ สมศักดิ์ อายุ 25 ปี ในข้อหาร่วมกันชุมนุมมั่วสุมหรือทำกิจกรรม ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดหรือสถานที่อื่นในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ที่ 60/2564 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีของกลางเป็นกระป๋องเบียร์เปิดแล้ว จำนวน 5 กระป๋อง และที่ยังไม่ได้เปิดอีก 3 กระป๋อง เครื่องดื่มไวน์อีก 3 ขวด ยังไม่ได้เปิด

...

นอกจากข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดแล้ว ในส่วนของพระครูปลัดสุรเดช พระครูมนูญธรรมศาสถ์พุทธกร พระอธิฐณัฏฐ์ และนายสหการ ยังถูกแจ้งข้อหาเพิ่มในข้อหาบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวัดหรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551

นางสาวเกษสุดา ต.เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ (พศ.) เปิดเผยว่า ได้รายงานเรื่องนี้ไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้ว โดยในส่วนของ พศ.เป็นหน่วยงานสนับสนุนด้านวิชาการและระเบียบข้อกฎหมาย เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่มีอำนาจเข้าไปดำเนินการอะไรได้ เพราะเป็นหน้าที่ทางปกครองของคณะสงฆ์

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังสำนักงานเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ พระเลขาเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ แจ้งว่าเจ้าคณะอำเภอติดกิจนิมนต์ แต่ได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการมาสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบว่าเข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ในขั้นใด จะดำเนินการตามขั้นตอน

สำหรับวัดปันเสาเป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับการฟื้นฟูบูรณะ ตั้งอยู่ในพื้นที่ศูนย์มาลาเรีย เขต 2 และ อยู่ติดกับพื้นที่ลานจอดรถโรงพยาบาลเอกชน ไม่มีชุมชนรอบข้าง ทำให้ไม่มีชาวบ้านทราบถึงพฤติกรรมดังกล่าว โดยคาดว่าอาจเป็นคนในวัดที่สุดทนพฤติกรรม แอบร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าตรวจสอบ

ขณะเดียวกัน ที่วัดปันเสา ไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ มีการปิดประตูทางเข้าออก ส่วนร้านกาแฟบุญรักษา ซึ่งเป็นร้านกาแฟของวัด ติดป้ายปิดให้บริการ 31 สิงหาคม - 1 กันยายน โดยเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีผู้ที่เกี่ยวข้องยอมให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด.