ปางช้างแม่สา ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ปางช้างที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เคยมีช้างเลี้ยงอยู่ร่วม 100 เชือก ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและนักท่องเที่ยว มายาวนานถึง 45 ปี 

ปัจจุบัน ต้องเจอกับวิกฤติโควิด-19 ชนิดไร้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาเที่ยวร่วม 2 ปี ทำให้ทุนที่มีอยู่ หดหายไปถึง 61 ล้านบาท เกิดความระส่ำระสาย ควาญช้างและพนักงานทยอยลาออกไปแต่ละวัน ช้างบางเชือกที่ชราถูกย้ายให้ทางมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ช่วยเลี้ยง เป็นภาพที่สะเทือนใจทั้งคนเลี้ยงและช้างเองก็ไม่อยากจะจากสถานที่ที่เคยอยู่มานานหลายสิบปี

ขณะที่ปางช้าง ได้ปรับเปลี่ยนแนวการเลี้ยงช้างเข้าสู่โหมด “ไร้โซ่ไร้ตะขอ” ให้อยู่อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ใช้พื้นที่ทั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นศูนย์อนุรักษ์ช้าง ได้รับความสนใจสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง เดินทางมาทำข่าวและสารคดี ชีวิตช้างในปางช้าง

อย่างไรก็ตาม หลังได้รับผลกระทบมานานเกือบ 2 ปีเต็ม สถานการณ์ขณะนี้เรียกได้ว่า “สาหัสเกินจะเยียวยา” ทั้งภาครัฐก็ไม่สามารถมาช่วยพยุงได้ ทางปางช้างต้องดิ้นรนทุกวิถีทาง เพื่ออยู่รอดให้ได้

...

อัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา กับสื่อต่างชาติ ที่ยังให้สนใจเรื่องราวของ
อัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา กับสื่อต่างชาติ ที่ยังให้สนใจเรื่องราวของ"ช้างไทย"

นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา เปิดเผยว่า “สถานการณ์ช้าง” ในตอนนี้ตึงเครียดไปทั้งประเทศไทย หลังโควิด-19 ระลอกนี้ระบาดตั้งแต่เดือนมีนาคมลากยาวจนมาถึงสิงหาคม ได้ส่งผลต่อการท่องเที่ยวอย่างมากมายมหาศาล

"ปางช้าง สถานที่เลี้ยงช้างต่างๆ ต้องมีนักท่องเที่ยวต่างชาติและไทย มาดูกิจกรรมของช้างเพื่อช่วยให้สถานที่เลี้ยงช้างนั้นๆ มีเม็ดเงินเข้ามา เมื่อโควิดรอบแรกเราปิดประเทศ ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ขณะที่ในปัจจุบันเราปิดในประเทศ ไม่สามารถไปมาหาสู่กันได้ ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะนำมาเลี้ยงช้างและควาญช้าง ยังมีเรื่องยารักษาโรคที่จะนำมารักษาช้าง เกิดปัญหาคนเลี้ยงช้างยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ การท่องเที่ยวเท่ากับศูนย์มานานแล้ว ถึงแม้ปางช้างแม่สาจะเปิดอยู่ แต่ก็ไม่มีรายได้ในการดูแลช้าง แต่เราสู้มาตลอด อยากจะเป็นปางช้างแห่งหนึ่งของประเทศที่ยืนหยัดอยู่ได้ และอยากจะต่อสู้ให้ช้างที่เหลืออยู่กว่า 70 กว่าเชือกได้อยู่ในปางช้างแห่งนี้”

ช้างชรา ตอนนี้กลายเป็นภาระ จำเป็นต้องนำไปฝากเลี้ยง
ช้างชรา ตอนนี้กลายเป็นภาระ จำเป็นต้องนำไปฝากเลี้ยง

ผู้บริหารปางช้างแม่สา กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ วางแผนให้อยู่รอดผ่านพ้นไปได้ในแต่ละครั้ง ครั้งละ 7 วัน จนกว่าสถานการณ์โควิดจะบรรเทาลง มีนักท่องเที่ยวเข้ามาบ้าง ซึ่งเป็นความหวังในระยะสั้น แต่ระยะยาวหวังว่าเราจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้อีกครั้ง และมีผู้คนเดินทางเข้ามาทำให้กิจกรรม เพื่อที่กิจการจะดำเนินไปได้ แต่จะหวังพึ่งภาครัฐก็คงไม่ได้ เพราะภาครัฐมีปัญหาที่จะต้องดูแลมากมายอยู่แล้ว

ด้าน นางแสงเดือน ชัยเลิศ ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่ เผยว่า ในช่วงโควิดระลอกที่ 4 นี้ หนักหนาสาหัสมาก ไม่ใช่สถานการณ์วิกฤติแต่มันเกินวิกฤติไปแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะเรื่องช้าง คนเลี้ยงช้าง ทุกคนร้องไห้คร่ำครวญ จากเดิมคนที่มีช้างหลัก 10 เชือกขึ้นไปหลายคนยังอยู่ได้ในช่วงแรก เพราะมีเงินเก็บ แต่ตอนนี้ปัญหาทุกอย่างรุมเร้าถึงขั้นไม่มีเงินจะเลี้ยงลูกดูแลครอบครัว เดือดร้อนกันไปทั่ว 

...

ช้างในปางช้าง จากที่มีกว่า 100 เชือก ตอนนี้เหลือประมาณ 70 เชือก
ช้างในปางช้าง จากที่มีกว่า 100 เชือก ตอนนี้เหลือประมาณ 70 เชือก

"มันเป็นวิกฤติสีแดงแล้วสำหรับคนเลี้ยงช้าง หากการท่องเที่ยวไม่ฟื้นตัว คนเลี้ยงช้างก็ไม่ฟื้น ช้างที่เคยขายเชือกหลักล้านตอนนี้เหลือหลักแสนเท่านั้น และช้างอาจจะถูกขายให้คนต่างชาติ หรือนายทุนที่มาช้อนซื้อกัน วันหนึ่งข้างหน้า เจ้าของปางช้างที่เป็นคนไทยจะไม่เหลือแล้ว โดยเฉพาะคนไม่มีพื้นที่ ต้องนำช้างไปอาศัยตามปางช้างต่าง ๆ เช่นในพัทยา เจ้าของที่เป็นคนต่างชาติก็จะใช้วิธีบีบซื้อในราคาถูก และเปลี่ยนเจ้าของเป็นต่างชาติ คนไทยที่เป็นเจ้าของช้าง ต่อไปจะไม่มีแล้ว" 

แสงเดือน ชัยเลิศ ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่
แสงเดือน ชัยเลิศ ประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่

...

นางแสงเดือน กล่าวอีกว่า ทางมูลนิธิฯ ช่วยเหลือได้เพียงการสอนให้ปางช้างต่าง ๆ เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยว ให้ทำธุรกิจทางออนไลน์ เช่น ขายทัวร์ออนไลน์ ขายเค้กช้างทางออนไลน์ ขายตะกร้าอาหารทางออนไลน์ แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าเราจะขายตลาดคนไทยหรือต่างชาติ ซึ่งหลังจากแนะนำเทคนิคนี้ในหลายพื้นที่ หลายคนก็เริ่มฟื้น เริ่มยืนได้ด้วยตัวเอง..