กลุ่มผู้เสียหายที่เชียงใหม่ ออกมาแฉพฤติกรรม "อู่โคตรโกง" หลอกลวงทุกรูป บางคนโดนทั้งถูกเอารถไปขายต่อ ถูกหลอกเอาค่าซ่อม ถูกหลอกให้ซื้อรถคันใหม่ แปลกใจทำไมยังลอยนวลอยู่ได้ 

วันที่ 19 กรกฎาคม กลุ่มผู้เสียหายชายหญิงนับสิบคน นำหลักฐานเข้าเปิดเผยกับสื่อมวลชนเพื่อเตือนภัยสังคม ระบุถูกเจ้าของอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองเชียงใหม่ ฉ้อโกงหลอกลวงหลายรูปแบบ มีทั้ง นำรถไปซ่อมแล้วถูกถอดอะไหล่ชิ้นส่วนออกไป บางรายไม่ได้รถคืน ส่วนบางคนถูกหลอกขายรถให้แต่สุดท้ายไม่ได้รถ เมื่อตามทวงถามกลับถูกบ่ายเบี่ยงผู้เสียหายบางคนเข้าแจ้งความดำเนินคดี เจ้าของอู่ซ่อมรถก็จะเจรจาไกล่เกลี่ย สุดท้ายไม่ได้เงิน ผู้เสียหายรายหนึ่งบอกด้วยว่าถูกหลอกให้เสียเงินมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่สามารถดำเนินคดีได้ เพราะทางคู่กรณี ชายเจ้าของอู่รถไม่ยอมคืน จนกระทั่งสุดท้ายต้องปล่อยให้ทรัพย์สินของตัวเองถูกเอาไปโดยไม่ได้อะไรกลับคืนมา

ผู้เสียหายเล่าพฤติกรรมว่าเจ้าของอู่รายนี้ ได้เปิดเพจเฟซบุ๊กประกาศขายอะไหล่รถยนต์และรถมือสองราคาถูก โดยโพสต์ภาพ หรือไลฟ์สดขายสินค้าในอู่ แต่ลูกค้าหลายรายโอนเงินซื้อกลับไม่ได้สินค้า ผู้เสียหายบางรายยังเคยถูกชายคนนี้ทักมายืมเงิน มีหลักฐานการโอนเงินจำนวนมาก แต่เมื่อทวงคืนก็กลับไม่ได้เงิน และยังมีท่าทีข่มขู่ จนกระทั่งสุดท้ายต้องนำหลักฐานมาร้องเรียนกับสื่อมวลชน เพื่อช่วยนำเสนอข่าวเตือนภัยกับเจ้าของอู่รถคนนี้ ซึ่งตอนนี้คาดว่ามีผู้เสียหายที่ถูกชายคนนี้ฉ้อโกงในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายสิบราย ทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอื่นๆ ด้วย

นางสุนิสา จายคำ อายุ 37 ปี ชาวอำเภอเชียงดาว หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ก่อนหน้านี้ ได้นำรถยนต์กระบะไปเปลี่ยนกระจกให้ระบบไฟฟ้า โดยโอนเงินค่าซ่อมไปให้ประมาณ 4,000 บาท และนำรถไปทิ้งไว้ที่อู่ แต่ผ่านไปกว่าสัปดาห์ก็ยังไม่ได้รถ เจ้าของอู่บ่ายเบี่ยง อ้างว่ารออะไหล่ จนสุดท้ายตนและสามีทนไม่ไหว เข้าแจ้งความที่ สภ.ช้างเผือก

...

ปรากฏว่าเจ้าของอู่มาสารภาพว่าได้นำรถไปขายแล้ว โดยบอกจะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงินคืน และไม่เจอตัวอีกเลย จึงอยากให้ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดี ไม่อยากให้ลอยนวลเพราะถือเป็นภัยต่อสังคม อีกทั้งยังต้องเสียเวลาที่มาวิ่งเต้นตามเอาทรัพย์สินของตัวเองที่ถูกเอาไป แทนที่จะเอาเวลาไปทำมาหากิน

นางสาวเจนจิรา มาหมื่น อายุ 26 ปี ผู้เสียหายอีกคนหนึ่ง เล่าว่า พี่ชายได้ไปติดต่อซื้อรถมือสองกับเจ้าของอู่ในราคา 24,000 บาท โดยโอนเงินก้อนแรกไป 12,000 บาท ต่อมาโอนไปอีก 12,000 บาท ต่อมาอ้างว่าต้องเสียค่าจดทะเบียนเล่มรถอีก 12,000 บาท แถมยังขอค่าน้ำมันขับมาส่งอีก 1,200 บาท และยังมีค่าอะไหล่อีกประมาณ 2,500 บาท แต่สุดท้ายไม่ได้รถ และทราบภายหลังว่ารถคันดังกล่าว เป็นรถของผู้เสียหายอีกรายที่ถูกเจ้าของอู่นำไปเร่ขาย ซึ่งได้แจ้งความไปแล้ว แต่คดีไม่คืบหน้าและตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงินคืนเช่นกัน

ส่วน นายประสิทธิ์ อันทุ อายุ 26 ปี ผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ปลายปี 2562 ได้นำรถไปซ่อม ต่อมาเจ้าของอู่รถแจ้งว่าประสบอุบัติเหตุ จึงไม่ได้ติดตามเรื่องมาระยะหนึ่ง เพราะคิดว่าเจ้าของอู่คงทำงานไม่ได้ กระทั่งมารู้ตัวภายหลังว่าตัวเองโดนโกงและรถได้หายไป 

"ก่อนหน้านั้น เจ้าของอู่ยังขายรถยนต์เก๋งมือสองในราคา 70,000 กว่าบาท และได้โอนเงินไป 2 ครั้ง ครั้งแรกโอนเงินไป 25,800 บาท และอีกครั้งเป็นเงิน 42,000 บาท รวมยอดเงินที่เป็นค่าซ่อมรถอีกประมาณ 50,000 กว่าบาท เสียเงินไปกว่า 120,000 บาท แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เงินคืน ไม่ได้รถที่นำไปซ่อมคืน และไม่ได้รถที่เสียเงินซื้อ มาทราบว่ารถที่นำมาเสนอขายเป็นรถลูกค้าในอู่ จึงอยากเตือนภัยกับประชาชน ให้ตรวจสอบอู่ซ่อมรถให้ดีก่อนนำรถไปซ่อม ควรมีเอกสารหลักฐานในการส่งมอบและรับรถ เพื่อใช้เป็นหลักฐาน หากเกิดปัญหา".