การมาบรรจบพบกันของคนปลูกมะม่วง คนใจบุญ ช้าง และคนเลี้ยงช้าง ทำให้เกิดเรื่องราวดีๆ ขึ้น

เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างแม่สา หรือปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้มีกลุ่มผู้ใจบุญ เหมารับซื้อมะม่วงของเกษตรกรกลุ่มผู้ปลูกมะม่วงท่าล้อ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ จำนวน 6 ตันหรือ 6,000 กิโลกรัม

แล้วบรรทุกใส่รถ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร ป.พัน7 ที่ออกช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด-19 นำรถไปบรรทุกมะม่วง จากเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงบ้านมะม่วงท่าล้อ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโรคระบาดของโควิด-19 ไม่สามารถขายมะม่วงทั้งส่งออกต่างประเทศและไม่สามารถส่งขายในประเทศได้ตกค้างอยู่ร่วม 2,500 ตัน

ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง ต้องขอรับการช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ หรือหากผู้ใจบุญจะช่วยเหลือซื้อมะม่วงของชาวบ้าน ก็มีข้อเสนอว่า ซื้อไปให้ปางช้างตามปางช้างต่างๆ ใน จ.เชียงใหม่ ก็น่าจะดี เพราะต่างได้รับผลกระทบจากการที่ไม่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยว

เฉพาะที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างแม่สา หรือปางช้างแม่สา สถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับของประเทศ มีช้างอยู่ในความดูแลมากถึง 72 เชือก ได้รับผลกระทบจากโควิดเต็มๆ โดนหนักๆ ทั้ง 3 ระลอก รายได้เป็นศูนย์ ต้องแบกภาระในการดูแลช้าง รวมทั้งควาญ พนักงาน ลูกจ้าง รายจ่ายเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท 

...

ส่งผลกระทบอย่างยิ่งกระทบต่อการเลี้ยงช้าง โชคดีที่มีผู้ใจบุญนำมะม่วงมาบริจาคในช่วงนี้รวมแล้วมากกว่า 10 ตัน นำมาเลี้ยงช้าง ทั้งนี้ ช้างเชือกหนึ่ง สามารถกินมะม่วงได้ในปริมาณหนึ่ง ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์ คือไม่มากจนเกินไป แต่ถือเป็นอาหารเสริมที่ช้างน้อยช้างใหญ่ชอบกันมาก

นางอัญชลี กัลมาพิจิตร เจ้าของปางช้างแม่สา กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้ใจบุญที่ซื้อมะม่วงมาให้ช้างปางช้างแม่สา และขอให้ช่วยเกษตรกรด้วยการซื้อมะม่วงด้วย เพราะนอกจากช่วยเหลือเกษตรกรแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือปางช้างให้อยู่รอด และถือว่าได้ร่วมกันอนุรักษ์ช้างไทยไปด้วย.