นศ.สาว ช็อกได้ผลตรวจโควิด-19 ว่าเป็นบวก จนต้องไปนอน รพ.ศูนย์ลำปางถึง 3 วันกับผู้ป่วยสุดท้ายผลรอบสองยันไม่ติด เครียดวอนหาคนรับผิดชอบ ด้าน สสจ.เชียงใหม่ รับเป็นไปตามโพสต์ รอแถลงละเอียดเย็นนี้
จากกรณีที่หญิงสาวคนหนึ่ง ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า ต้นฝน ต้นฝน โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพเอกสารผลการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ของโรงพยาบาลประสาท จ.เชียงใหม่ เรียกร้องให้ทางโรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบ หลังแจ้งผลตรวจเชื้อโควิด-19 ผิดพลาด จนทำให้ต้องถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลร่วมกับผู้ติดเชื้อรายอื่นถึง 3 วัน จากคนไม่ติดเชื้อ กลายเป็นคนที่มีความเสี่ยงสูงกว่าเดิม
ล่าสุดวันนี้ (14 เม.ย.64) ผู้สื่อข่าวติดต่อไปที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เบื้องต้นทราบข้อมูลว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงตามที่หญิงสาวคนดังกล่าวโพสต์ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยในช่วงเย็นวันนี้นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ จะแถลงชี้แจงอีกครั้ง พร้อมระบุด้วยว่าที่ผ่านมามีการพูดคุยและติดตามปัญหากับหญิงสาวคนดังกล่าวมาโดยตลอด
...
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง นางสาวธัญพร พินธิสืบ อายุ 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของเฟซบุ๊ก ต้นฝน ต้นฝน เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเจ้าตัวกล่าวว่า ขณะที่กักตัวอยู่ที่บ้านพักในจังหวัดลำปาง โดยตัวเองเป็นชาวจังหวัดลำปาง มาเรียนหนังสือที่จังหวัดเชียงใหม่ และเมื่อวันที่ 1-6 เมษายน 64 นั้น เธอได้เดินทางจากสนามบินเชียงใหม่ ไปเที่ยวจังหวัดขอนแก่นเมื่อกลับมาวันที่ 7 เม.ย. จากนั้นก็ได้นั่งเครื่องบินไปกรุงเทพมหานคร เดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับ
ในวันที่ 7 เม.ย.มีอาการปวดศีรษะ ปัสสาวะขัดๆ จึงได้ปรึกษาแพทย์ออนไลน์บอกว่า เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่ตัวเองก็ไม่มั่นใจเพราะสถานที่ที่ไปหลายแห่งทั้งกรุงเทพฯ ขอนแก่น นั้น เป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยงดังนั้นเมื่อวันที่ 8 เม.ย.จึงได้ไปขอรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลประสาท แต่เธอได้คิววันที่ 9 เมษายน เมื่อตรวจหาเชื้อเสร็จเธอจึงได้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดลำปางทันที
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 เมษายน เวลา 10.30 น. ทาง สสจ.เชียงใหม่ได้โทรเข้ามายังมือถือเธอสอบถามชื่อ นามสกุลเธอ และสอบสวนไทม์ไลน์ก่อนจะแจ้งว่า ผลตรวจติดโควิด-19 ทำใจได้ไหม และถามว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน จึงตอบกลับไปว่า อยู่ที่บ้านพักจังหวัดลำปาง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้บอกว่าจะประสานทางโรงพยาบาลศูนย์ลำปางมารับตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลลำปาง โดยทางเจ้าหน้าที่นำรถพยาบาลมารับตัวเธอในเวลา 14.00 น.
ก็พยายามเปิดเว็บไซต์ของโรงพยาบาลประสาท เช็กข้อมูลรายชื่อผู้ติดเชื้อเพื่อให้มั่นใจว่าเธอติดเชื้อจริงหรือไม่แต่ไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ได้ กระทั่งถูกนำตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลลำปางพร้อมกับผู้ป่วยโควิด-19 รายอื่นๆ หลังจากนั้นเข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่มีเอกสารอยู่แล้ว และไม่ได้เช็กข้อมูลอีก เลยคิดว่าตัวเองคงติดโควิด-19 จริงๆ จึงไม่ได้เช็กเว็บไซต์อีก เธอจึงนอนโรงพยาบาลไปสองคืนต่อมาวันที่ 12 เมษายน เวลาประมาณ 22.00 น.ได้มีพยาบาลโทรเข้ามาหาแล้วสอบถามว่า น้องมีเอกสารอะไรยืนยันหรือไม่ว่าเราติดเชื้อ ก็ตอบไปว่า "ไม่มี" พยาบาลตอบกลับมาว่า "พี่ตรวจประวัติแล้วไม่พบในชาร์ต" เธอจึงแจ้งพยาบาล จากนั้นจึงได้ย้ายตัวตอนเวลา 24.00 น. มาพักอีกห้องหนึ่ง ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเธอติดเชื้อหรือไม่
จึงได้โทรไปหา คณะที่เรียนเพื่อขอความช่วยเหลือ และประสานงานตรวจดูในเว็บไซต์ไม่พบชื่อว่าเป็นผู้ป่วยติดเชื้อ ต่อมาเช้าวันที่ 13 เมษายน ทางโรงพยาบาลลำปางจึงได้นำตัวเธอไปตรวจหาเชื้ออีกครั้ง พบว่าผลเป็นลบ ทำให้เธอต้องออกจากโรงพยาบาลมากักตัวที่บ้านต่อ โดยส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากเนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ป่วยติดเชื้อ แต่กลับแจ้งว่าติดโควิด-19
...
โดยที่ผ่านมาหลังจากได้รับแจ้งตอนแรกว่าผลเป็นบวก จึงไปแจ้งในกลุ่มมหาวิทยาลัย กลุ่มเพื่อนและทุกที่ที่เธอไปทำให้ตัวเองต้องโดนบูลลี่ โดนด่า จนเสียหายส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ยังทำให้เธอจากคนที่ปลอดเชื้อ กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงเพราะใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19 ต้องกักตัวเองดูอาการ โดยหลังจากเกิดเหตุนี้ อยากให้มีหน่วยงานออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปเช่นนี้.