พบราษฎรกะเหรี่ยง ที่หลบหนีการโจมตีทางอากาศของทารพม่าเข้าไทยเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ถูกผลักดันกลับ ยังคงหลบภัยอยู่ตามป่าเขาและลำห้วย ติดชายแดน ไม่กล้ากลับเข้าหมู่บ้าน ล่าสุดมีรายงาน ฮ.พม่า ขึ้นบินอีก 6 ลำ

วันที่ 2 เมษายน พ.ต.ปกคอ ผบ.ฐาน สะกอท่า ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ หมู่ 1ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ ว่าเมื่อเวลา 12.30 น.ได้รับแจ้งจากหน่วยข่าวกรอง KNU ว่า เมื่อเวลา 12.15 น.ได้มีเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ทางทหารแบบ MI.8 ประมาณ 6 ลำ ได้บินขึ้นจากฐานที่มั่นสนามบินเมืองตองอู มุ่งหน้าไปทางจังหวัดผาปูน คาดว่าจะปฏิบัติการทางทหาร ต่อฐานที่มั่น ทหารกะเหรี่ยง KNU บริเวณพื้นที่ด้านทิศตะวันออกติดแม่น้ำสาละวิน

ทราบดังนั้น ทางกองบัญชาการค่ายกองพลน้อยที่ 5 จึงได้สั่งการให้ทหารในพื้นที่แจ้งเตือนประชาชน ให้ย้ายออกจากหมู่บ้าน ไปหลบอยู่ในป่าเขาทึบและหาทางหลบอยู่ในถ้ำหรือชะเงิบหินที่แข็งแรง ที่สามารถป้องกันสะเก็ดระเบิดได้ สำหรับหน่วยทหารที่ประจำตามฐานฯต่าง ๆ ให้เคลื่อนย้ายกำลัง ออกไปวางแนวตั้งรับ บริเวณเส้นทางที่ทหารพม่าจะเคลื่อนที่เข้ามาหา

...

ส่วนราษฎรกะเหรี่ยงที่ลี้ภัยออกจากหมู่บ้านสะกอท่า ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบของไทย หลบหนีเข้ามาในไทย เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 และถูกผลักดันกลับทันที จำนวน 48 คน 8 ครอบครัว ได้พากันหลบหนีออกจากที่หลบภัยเดิมเนื่องจากอยู่ติดฐานฯของทหารกะเหรี่ยงเพราะกลัวจะไม่ปลอดภัยจากการทิ้งระเบิดของทหารพม่า

สำหรับจุดสู้รบ ระหว่างทหารพม่า กับทหารกะเหรี่ยง อยู่บริเวณ ใกล้หมู่บ้านในเขต จ.ผาปูน เขตรัฐกะเหรี่ยง ใกล้กับแม่น้ำสาละวิน จุดปะทะใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 1 วัน หรือ 50 กม. ขณะนี้ราษฎรกว่า 10 หมู่บ้าน จำนวนประมาณ 8,000 คน ได้พากันเดินเท้ามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก เพื่อมาอาศัยอยู่ตามแนวแม่น้ำสาละวินตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ เนื่องจากหวั่นเกรงอันตรายจากการโจมตีทางอากาศ ของทหารพม่า ทั้งยังอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มอย่างหนัก โดยในกลุ่ม ผู้ลี้ภัยมีเด็กทารกอยู่เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ มีรายงานว่าทหารพม่า จำนวนกว่า 400 นาย พร้อมอาวุธหนักเคลื่อนกำลังจากจังหวัดผาปูน มุ่งหน้าสู่พื้นที่เขตยึดครองของ ทหารกะเหรี่ยง สังกัดกองพลน้อยที่ 5 ที่วางกำลังตามแนวแม่น้ำ

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมาที่ โรงพยาบาลแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน มอบวัคซีนโควิด-19 จำนวน 2,000 โดส พบปะผู้บริหารจังหวัดมอบนโยบายการดำเนินงานรองรับสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้านที่อาจส่งผลกระทบด้านความมั่นคง ความปลอดภัยของชาวบ้านในพื้นที่ และสถานการณ์ระบาดของโควิด-19

จากนั้น เดินทางไปโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อรับฟังปัญหาและผลกระทบจากสถานการณ์ไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน

นายอนุทิน  กล่าวว่า มีความห่วงใย เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด่านหน้าทุกภาคส่วน ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสถานการณ์ชายแดน ซึ่งขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ หากผู้หนีภัยการสู้รบเข้ามาจะได้รับการช่วยเหลือ ดูแล ตามหลักมนุษยธรรม

กรณีผู้ป่วย ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน ให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล มอบให้ โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ เป็นศูนย์กลางในการรักษากรณีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุความไม่สงบฝั่งประเทศเพื่อนบ้านและขอข้ามฝั่งมารักษาตัวในประเทศไทย ส่วนความพร้อมของโรงพยาบาลแม่สะเรียง มีอยู่แล้ว แต่หากเกินขีดจำกัดก็จำเป็นส่งต่อ ประเทศไทยทำตามหลักมนุษยธรรม แต่ผู้ได้รับบาดเจ็บต้องได้รับการช่วยเหลือเป็นอันดับแรก

ส่วนเรื่องวัคซีนโควิด-19 มีการจัดสรรไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาด วันนี้จึงมีการมอบให้ที่โรงพยาบาลแม่สะเรียง 2,000 โดส เพื่อฉีดให้บุคลากรด่านหน้าที่ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและควบคุมโรค เป็นการยืนยันถึงความพร้อมของระบบสาธารณสุขไทย

...

อย่างไรก็ดี กรณีที่มีกลุ่มบุคคลพยายามจะนำสิ่งของไปมอบให้ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบตามแนวชายแดนริมแม่น้ำสาละวิน หลังผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีคำสั่งเปิดจุดผ่อนปรน 5 แห่ง ใน จังหวัดฯ เพื่อส่งออก-นำเข้าสินค้า แต่ยังไม่สามารถเปิดจุดผ่อนปรนบ้านแม่สามแลบได้นั้น เรื่องนี้ต้องสอบถามฝ่ายความมั่นคง

"การเตรียมการหลังจากนี้จะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ หากมีความจำเป็นต้องจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบตามแนวชายแดน ที่ขอข้ามฝั่งเข้ามา จะต้องผ่านมาตรการการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ทุกคน และต้องย้ำว่า รัฐบาลไทยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม ดูแลชีวิตคนก่อนเป็นสิ่งสำคัญ"