ทีมบริหาร รพ.นครพิงค์ เชียงใหม่ ตั้งโต๊ะชี้แจงข้อครหาฉีดวัคซีนโควิดให้วีไอพี จนผอ.ถูกตั้งกรรมการสอบ และต้องยุติการทำหน้าที่ พบต้นเหตุมาจากการลงทะเบียน ทำให้บุคลากรบางคนคิดว่ามีคนนอกแซงคิว และปล่อยข่าว จนมีคนเอาไปโพสต์ ยืนยันทำหน้าที่เพื่อประชาชน
วันที่ 3 มี.ค. กลุ่มแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลนครพิงค์ จำนวนมาก ร่วมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ นายแพทย์วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ชูป้ายและตะโกนให้ ผอ.สู้ๆ บางคนเข้าสวมกอดและร้องให้ ทำให้นายแพทย์วรเชษฐถึงกับน้ำตาซึม พร้อมกล่าวว่า ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถแล้ว และการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เชียงใหม่ มีระบบในการคัดเลือกและจัดสรรให้กับกลุ่มต่างๆ ตามมติของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ได้มีกลุ่มบุคคลวีไอพีที่อยู่นอกเหนือจากการคัดสรร
จากนั้น นายแพทย์วรเชษฐ ได้กล่าวขอบคุณผู้ให้กำลังใจทุกคน แต่หลังจากนี้ไปจะขอยุติการทำงานชั่วคราว จนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ
นายแพทย์วรเชษฐ ยอมรับว่า ได้รับทราบคำสั่งในการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการโพสต์ในโซเชียล อ้างว่า มีการฉีดวัคซีนให้บุคคลวีไอพีที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์
สำหรับกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากทางจังหวัดเชียงใหม่มีการชี้แจงหลักเกณฑ์ในการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ทั้ง 3,500 โดส ซึ่งจะฉีดได้ 1,750 คน โดยแบ่งเป็น บุคลากรทางการแพทย์ 1,450 คน ที่เหลืออีก 300 คน เป็นกลุ่มหัวหน้าหน่วยราชการที่มีความเสี่ยงในการพบปะกับผู้คนจำนวนมาก ในจำนวนนี้แบ่งให้กับตัวแทนภาคการท่องเที่ยวจำนวนหนึ่ง เพราะถือว่าเป็นกลุ่มที่ต้องติดตามปัญหาและพบผู้คนจำนวนมาก ที่สำคัญวัคซีนของเชียงใหม่เป็นการจัดสรรให้กับพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว จึงจำเป็นต้องมีการจัดสรรให้กับกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งอาจจะกลายเป็นภาพที่ทำให้คนที่ไม่ทราบหลักเกณฑ์เกิดความเข้าใจผิด
...
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการดรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า การฉีดวัคซีนทุกลอต จะพิจาณณาฉีดให้กับบุคคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มแรก
ต่อมาทีมบริหารนำโดย แพทย์หญิง ลดาวรรณ หาญไพโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ พร้อมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจงประเด็นการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่อาคารอำนวยการผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุฉุกเฉิน ชั้น 7 โรงพยาบาลนครพิงค์
แพทย์หญิง ลดาวรรณ เปิดเผยว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณกระทรวงสาธารณสุขที่จัดสรรวัคซีนมาให้จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จำนวน 3,500 โดส และสามารถจัดสรรวัคซีนรอบแรก จำนวน 1,750 ราย กระจายให้ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน
"โรงพยาบาลนครพิงค์ รับหน้าที่ฉีดวัคซีนให้บุคคล 4 กลุ่ม คือ บุคลากรโรงพยาบาลนครพิงค์ จำนวน 455 ราย บุคลากรสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ 26 ราย บุคลากรกรมควบคุมโรค 22 คน และกลุ่มบุคลากรด่านหน้าที่มีความเสี่ยงสัมผัสผู้ป่วย ประกอบด้วย อสม. ปกครอง เจ้าหน้าที่การท่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง อาสาสมัคร ทหาร ตำรวจ ภาคบริการ และภาคท่องเที่ยว จำนวน 300 ราย ซึ่งมีรายชื่อจัดสรรมาโดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ส่งให้โรงพยาบาลนครพิงค์ทำการฉีด"
แพทย์หญิง ลดาวรรณ กล่าวอีกว่า จากการสำรวจในส่วนของโรงพยาบาลนครพิงค์ พบว่า มีผู้ประสงค์และต้องการจะฉีดวัคซีน จำนวน 1,964 ราย จึงแบ่งเป็นกลุ่มตามความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ โดยเน้นการดูแลและสัมผัสผู้ป่วยที่มีระดับเสี่ยงสูง เสี่ยงมาก เสี่ยงปานกลาง ลอตแรกจัดสรรให้กลุ่มเสี่ยงสูงก่อน ทำให้เกิดการเข้าใจคลาดเคลื่อนในการประสานงานส่งรายชื่อ และทำให้เข้าใจผิดคิดว่ากลุ่ม 300 คนนี้เป็นวีไอพี ประกอบกับบุคลากรบางส่วนไม่สามารถลงทะเบียนเพื่อฉีดวัคซีนทางออนไลน์ได้ จากการขัดข้องทางเทคนิค จึงเข้าใจผิดว่าจะไม่ได้รับวัคซีน และถูกแซงคิวโดยกลุ่มวีไอพี ซึ่งขณะนี้ได้มีการทำความเข้าใจและมีการยอมรับว่าเข้าใจผิดและคลาดเคลื่อนจริง ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ปรับแผนในการฉีดด้วยการลงทะเบียนรายบุคคลแทนระบบออนไลน์ ปัจจุบันโรงพยาบาลนครพิงค์ได้ฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรไปแล้ว จำนวน 322 ราย เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 176 ราย คาดว่าจะครบตามจำนวนภายในวันศุกร์นี้
ส่วนบุคลากรที่ยังไมได้รับวัคซีนรอบแรก จะได้รับครบทุกคนในรอบต่อไป ต้องขอโทษ ขออภัยกระทรวงสาธารณสุขและสังคมที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ามีการนำไปฉีดให้วีไอพี และจะนำประเด็นข้อเท็จจริงไปสื่อสารเพื่อพัฒนาองค์กรต่อไป
เมื่อถามว่า แสดงว่าเป็นคนในโรงพยาบาลนครพิงค์เองที่เป็นต้นเหตุ แพทย์หญิง ลดาวรรณ ตอบว่า เข้าใจว่ามีการสื่อสารจากคนใน ซึ่งปัจจุบันมีการยอมรับแล้วว่าเข้าใจผิด และได้ทำความทำความเข้าใจแล้ว เป็นบุคลากรทางการแพทย์ภายในของเราเอง เพราะมีความขัดข้องทางเทคนิคการลงทะเบียนออนไลน์ เจ้าหน้าที่คิดว่าถูกแซงคิวโดยวีไอพี ซึ่งมีเป็นส่วนน้อย เพราะส่วนใหญ่เข้าใจดี แต่ยืนยันว่าคนโพสต์ไม่ใช่บุคลากรของเรา แต่ได้ข้อมูลไป ซึ่งคงไปทำอะไรไม่ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นมีผลต่อขวัญและกำลังใจบ้าง แต่ไม่ท้อแท้ เพราะเรามีหน้าที่รักษาประชาชน อาจกระทบบ้าง และเข้าใจและคิดว่าเหตุการณ์นี้จะผ่านไปได้ดี ส่วนบุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้ง 322 ราย ยืนยันว่าวัคซีนปลอดภัยสูงมาก
ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่กลุ่มเสี่ยง ก็ออกมายืนยันว่า ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในการทำงาน เพื่อรักษาประชาชนต่อไป และหลังฉีดวัคซีนไม่มีผลข้างเคียงอะไร.