อธิบดีกรมหม่อนไหม จับมือ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เดินหน้าพัฒนาส่งเสริมอาชีพให้ผู้ต้องขัง ขยายผลการส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและทอผ้าไหมในเรือนจำและทัณฑสถานตามพระราชดำริฯ ตั้งเป้าเพิ่มจาก 16 แห่ง เป็น 23 แห่งในปีนี้
เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 64 นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมหม่อนไหม และนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานการส่งเสริมอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและทอผ้าไหมในเรือนจำและทัณฑสถาน ณ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง และเรือนจำจังหวัดลำพูน

นายปราโมทย์ กล่าวว่า กรมหม่อนไหมได้บูรณาการความร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ ขยายผลการดำเนินการส่งเสริมอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและการทอผ้าไหม ภายใต้โครงการคืนคนดีสู่สังคม ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งกรมฯได้มอบหมายให้สำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ทุกเขต และศูนย์เครือข่ายทั่วประเทศ ขับเคลื่อนการดำเนินงานในพื้นที่โดยบูรณาการร่วมกับกรมราชทัณฑ์ ส่งเสริมอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมครบวงจร ให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถาน ตั้งแต่การปลูกหม่อน ทั้งหม่อนใบและหม่อนผลสด การเลี้ยงไหม การสาวไหม การฟอกย้อมสี การออกแบบลวดลาย การทอผ้าไหม และการแปรรูปผลิตภัณฑ์หม่อนไหมที่หลากหลาย ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ปัจจุบันได้ดำเนินการในเรือนจำและทัณฑสถานไปแล้ว 16 แห่ง และเพิ่มเป็น 23 แห่งในปี 2564
...

ในส่วนของภาคเหนือ จ.ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ได้นำร่องจัดทำโมเดลภาคเหนือครบวงจร โดยเริ่มจากกระบวนการต้นน้ำ ดำเนินการโดยทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง คือ การปลูกหม่อน เลี้ยงไหม สาวเส้นไหม และเป็นศูนย์กลางกระจายเส้นไหมไปยังเรือนจำอื่นๆ ถัดมาคือกระบวนการกลางน้ำ ดำเนินการโดยเรือนจำ จ.ลำพูน มีการจัดทำจุดเรียนรู้ด้านหม่อนไหม และฝึกอบรมทอผ้าไหมยกดอกลำพูนเพื่อให้ได้ 2 มาตรฐาน ได้แก่ ตรานกยูงพระราชทาน และ GI ผ้าไหมยกดอกลำพูน และสุดท้ายคือกระบวนการปลายน้ำ ดำเนินการโดยทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ มีการทอผ้าไหมยกดอกลำพูนให้ได้มาตรฐานตรานกยูงพระราชทาน การออกแบบ/พัฒนาลวดลายผ้า และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าไหมรูปแบบต่างๆ ให้เหมาะสมกับตลาด ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมาสามารถผลิตผ้าไหมและได้รับการรับรองมาตรฐานตรานกยูงพระราชทานสีน้ำเงิน จำนวน 680 เมตร อีกทั้งในอนาคตจะมีแผนส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์หม่อนไหม เช่น ชาใบหม่อน น้ำมัลเบอร์รี สบู่โปรตีนไหม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ตามศักยภาพพื้นที่ต่อไป

ด้านนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ กล่าวว่า กรมฯ มีความพร้อมทั้งด้านกายภาพ ภูมิศาสตร์ และประชากรศาสตร์ โดยมีผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถานจำนวน 143 แห่งทั่วประเทศ ที่พร้อมรับการฝึกอบรม โดยการสนับสนุนจากกรมหม่อนไหมในพื้นที่ ดำเนินการอบรม ให้คำแนะนำปรึกษาการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแก่ผู้ต้องขัง เมื่อหลังพ้นโทษไปแล้ว ผู้ต้องขังเหล่านี้ จะสามารถนำความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ที่ได้รับ ไปพัฒนาต่อยอดเพื่อประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างปกติสุข โดยไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำอีก ตลอดจนเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืนต่อไป.