ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 สั่งดำเนินคดี 3 ข้อหาหนักแก๊ง 1G1 ผู้ป่วยโควิด-19 3 รายที่จะออกโรงพยาบาลวันนี้ เพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้มีผู้ใดกระทำตาม เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนให้กับทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.63 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 270 นาย เข้าตรวจหาเชื้อโควิด 19 โดยทางโรงพยาบาลลานนาได้ จัดทีมแพทย์ พยาบาล มาดำเนินการตรวจเชื้อโควิด-19 ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 รวมถึงกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 จำนวนกว่า 500 นาย โดยการดำเนินการตรวจครั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ทำให้จำเป็นต้องมีการตรวจหาโรค เพื่อเป็นการป้องกันและเฝ้าระวังหากมีผู้ติดเชื้อขึ้นมา
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า การนำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับการตรวจหาเชื้อโควิด 19 นั้นเพราะตอนนี้พื้นที่ภาค 5 เป็นพื้นที่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้านที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 และตำรวจก็ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มต้นๆ ในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งการตั้งด่าน การปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปราม เราจึงทำการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดมาทำการคัดกรองในองค์กร เพื่อความปลอดภัย และได้เน้นย้ำตำรวจออกปฏิบัติการด้วยความระมัดระวัง โดยเบื้องต้นตรวจคัดกรองแล้วยังไม่พบข้าราชการตำรวจติดเชื้อ ขณะที่ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 3 รายที่เข้ารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลนครพิงค์ นั้นล่าสุดวันนี้ทางแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว
...
เบื้องต้นทางตำรวจภูธรภาค 5 ได้ส่งเรื่องไปยัง สภ.แม่สาย ให้ตั้งคดีรอแล้ว เนื่องต้องทำให้เป็นตัวอย่างเพื่อให้บุคคลอื่นได้เกรงกลัวไม่กระทำผิดลักษณะนี้อีกเพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับคนทั่วประเทศ โดย 3 ข้อหาที่ทางตำรวจได้ตั้งรอเบื้องต้นคือ
3 ข้อหา คือ 1 เป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ได้เดินทางเข้ามาตามช่องทาง ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานี หรือท้องที่และตามกำหนดเวลา ตามที่รัฐมนตรีได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 (ปรับไม่เกิน 2,000 บาท)
2. ข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกมาตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ประกอบกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 3 เรื่องการเปิดช่องเข้ามาในราชอาณาจักร มีโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. ข้อหา ไม่ปฏิบัติตามตคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือผู้ว่าราชการจังหวัด (จังหวัดเชียงราย) ตามมาตรา 35 (1) แห่ง พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ.2558 (คำสั่งจังหวัดเชียงรายที่ 1380/2563 เรื่องการระงับการเดินทางเข้า-ออกของบุคคล ยานพาหนะและสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้าและช่องทางอื่นๆตลอดแนวชายแดนจังหวัดเชียงรายเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 21 มีนาคม 2563 (จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท ) หรือทั้งจำทั้งปรับ.