ชาวแม่แจ่มตื่น แห่เก็บหินประหลาดคล้ายลูกอุกกาบาตลูกใหญ่เท่าลูกฟุตบอล หลังชาวบ้านพบแสงประหลาดตกลงมาจากท้องฟ้า จึงพากันออกหาวัตถุดังกล่าว ขณะที่ นอภ.แม่แจ่ม สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมนำหินตัวอย่างส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ล่าสุดนักดาราศาสตร์ สดร. ชี้หินแม่แจ่มไม่ใช่อุกกาบาต แต่เป็นหินภูเขาไฟ


เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 ก.ย.63 ชาวบ้าน ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ตื่นแห่เก็บหินประหลาดคล้ายอุกกาบาต หลังจากก่อนหน้านี้ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ชาวบ้านในพื้นที่พบแสงประหลาดตกลงมาจากท้องฟ้า ในพื้นที่ป่าชุมชนเขตติดต่อหมู่บ้านแม่สะต๊อก บ้านนาฮ่อง ต.แม่ศึก จึงได้เดินป่าไปหาหินดังกล่าวพบว่าลูกใหญ่เท่าขนาดลูกฟุตบอล ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ทราบข่าวต่างพากันเข้าป่าหาหินประหลาดดังกล่าว

ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา มีชาวบ้านในพื้นที่พบแสงไฟประหลาดพุ่งจากท้องฟ้าตกลงมาบริเวณดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่าวัตถุดังกล่าวตกลงมานั้นคือหินอุกกาบาต จึงได้พากันออกหาวัตถุดังกล่าว แต่เก็บเรื่องไว้ไม่บอกใคร จนล่าสุดมีข่าวแพร่สะพัดว่าวัตถุประหลาดนั้นเป็นเรื่องจริง

...

ล่าสุดเมื่อคืนที่ (24 ก.ย.) ผ่านมา นายอินทร หนักแน่น กำนันตำบลแม่ศึก ได้รับแจ้งยืนยันว่ามีชาวบ้านรายหนึ่งไปเก็บซากวัตถุคล้ายกับอุกกาบาต เพิ่งมาเปิดเผย จึงทำให้ที่ทราบข่าวดังกล่าวต่างพากันไปขุดหาหินประหลาดดังกล่าวนำมาใส่ขวดเก็บไว้ คิดว่าอาจจะเป็นวัตถุที่มีค่า ก่อนรายงานให้กับนายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ นายอำเภอแม่แจ่ม จึงได้สั่งการให้ น.ส.ผกาวรรณ แสนอ่อน ปลัดอำเภอแม่แจ่ม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกับเก็บตัวอย่างหินประหลาดดังกล่าวเพื่อส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหินประหลาดดังกล่าวพบว่ามีน้ำหนักเบากว่าหิน หรือโลหะทั่วไป ซึ่งจากการตรวจสอบด้วยสายตาหลายอย่างกับวัตถุถูกเผาด้วยความร้อนจนหลอมละลายและเย็นลง ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ลองค้นหาข้อมูลหินอุกกาบาตในกูเกิล พบว่ามีลักษณะคล้ายกับวัตถุประหลาดที่ชาวบ้านเก็บได้ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งประชาชนที่ออกไปหาเก็บวัตถุดังกล่าว งดสัมผัสวัตถุประหลาดที่พบ ซึ่งถ้าหากเป็นอุกกาบาตอาจจะมีการปนเปื้อนของสายแร่ก็เป็นได้

ต่อมานายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ สดร. กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพก้อนหินดังกล่าว ไม่ใช่หินอุกาบาต เพราะอุกาบาตรจะไม่มีลักษณะเป็นรูพรุน แต่ลักษณะน่าจะเป็นหินอัคนีพุ หรือ หินภูเขาไฟ ที่จะมีลักษณะเฉพาะตัวก็คือมีรูพรุนที่มาจากฟองอากาศของลาวาก่อนแข็งตัว ซึ่งหินภูเขาไฟสามารถพบได้ตามพื้นที่ของภูเขาไฟทั่วไป

ส่วนที่ชาวบ้านบอกว่าพบเห็นแสงไฟเหมือนดาวตกในคืนดังกล่าว นายศุภฤกษ์ อธิบายว่า ในทุกคืนจะมีอุกกาบาตรหรือวัตถุท้องฟ้าที่มาจากดาวเคราะห์น้อย หรือ ดาวหาง มาเสียดสีชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นไฟร์บอล หรือ ดาวตก ซึ่งเกิดขึ้นทุกคืน แสงที่มองเห็นจะอยู่สูงจากท้องฟ้าหลายร้อยกิโลเมตร การที่ชาวบ้านอาจพบเห็นแสงไฟ ประกอบกับวัตถุที่พบ อาจเกิดจากความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอุกกาบาต.