ปลัดอำเภอแม่ริมรับหนังสือตอบกลับจาก “ฌอน บูรณะหิรัญ” ไลฟ์โค้ชชื่อดัง มาพบตามนัดวันที่ 17 ก.ค. แต่หากไม่มาตามนัด คงต้องส่งหนังสือเรียกไปอีกรอบ ด้านปลัดคนดังแฉมีโทรศัพท์มาจากผู้ใหญ่ให้เร่งคดีฌอน แถมขู่จะฟ้องหมิ่นประมาท แต่เจ้าตัวไม่กลัวคำขู่เพราะไม่กลัว เร่งสาวลึกเรื่องฉาวต่อไป

ภายหลังนายฌอน บูรณะหิรัญ ไลฟ์โค้ชชื่อดัง ส่งผู้ใหญ่คนสนิทโทรศัพท์ติดต่อนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ เตรียมนัดเข้ามาชี้แจง แต่ยังไม่กำหนดเวลา ขณะที่ปลัดอำเภอแม่ริมนำสเตตเมนต์บัญชีรับบริจาคออกมาแฉเส้นทางการเงินยอดรวม 1,338,889 บาท นายฌอนถอนเงินออกจากบัญชี 8 ครั้ง โอนจ่ายชำระค่าบัตรเครดิต รวมทั้งโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวไปอีกธนาคาร ยอดเงินคงเหลือเพียง 90.45 บาท กลายเป็นปมสงสัย ปลัดอำเภอแม่ริมเผย หากนายฌอนออกมาชี้แจง ถือเป็นสัญญาณที่ดี ต้นเรื่องเกิดที่ จ.เชียงใหม่ ย่อมส่งผลดีต่อคดีที่ทนายความแจ้งไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เชื่อว่าสังคมจะให้อภัย แต่เงินบริจาคกว่า 1.3 ล้านบาท ต้องคืนประชาชนทั้งหมด

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ก.ค. นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม เปิดเผยว่า ส่งหนังสือนัดให้นายฌอนมาชี้แจงในวันที่ 17 ก.ค. มีคนเซ็นรับหนังสือไว้แล้ว และมีหนังสือตอบกลับมาถึงตน แต่ไม่กำหนดวันที่จะมาพบ จากนั้นเงียบหายไป อย่างไรก็ตาม ต้องรอในวันที่ 17 ก.ค. หากไม่มาตามนัด คงต้องส่งหนังสือเรียกตัวไปอีกครั้ง ขณะนี้ยังคงดำเนินการสอบถามพยานจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานเกี่ยวกับดับไฟป่าและกลุ่มอาสาดับไฟป่า ยังไม่พบว่ามีการช่วยเหลือใดๆจากนายฌอน ตนรวบรวมหลักฐานไว้หมดแล้ว

...

ปลัดอำเภอแม่ริมเปิดเผยอีกว่า ในเรื่องนี้ประสานความร่วมมือกันระหว่างอำเภอแม่ริมและตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตำรวจขอหลักฐานต่างๆจาก อ.แม่ริม และแนะนำให้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายฌอน หากเรียกตัว 2 ครั้งแล้วนายฌอน ยังไม่มา อาจไปแจ้งความเพราะยังมีโอกาสอีกมาก แต่ถ้านายฌอนเข้ามาชี้แจงก่อนตามกำหนด เรื่องนี้คงจบลง

“ส่วนเรื่องผู้ใหญ่คนสนิทของนายฌอนโทรศัพท์มาหาตน ระบุว่าเป็นผู้หวังดี แนะให้เรียกตัวนายฌอนมาเสียค่าปรับให้จบโดยเร็ว และไม่ควรออกมาให้ข่าวกับสื่อ จะถูกนายฌอนฟ้องหมิ่นประมาทนั้น ตนได้ตอบกลับไปว่า ขอบคุณในความหวังดี เรื่องดังกล่าวต้องสอบไปตามข้อเท็จจริง นายฌอนต้องมาชี้แจง หรือส่งเอกสารมาตรวจสอบ ตนไม่คิดว่าเป็นการข่มขู่ แต่มีบุคคลหลายฝ่ายโทร.เข้ามาถามในเรื่องนี้จำนวนมาก ให้ข้อมูลจนแยกไม่ออกว่าจริงหรือปลอม โทรศัพท์เข้ามือถือและที่ห้องทำงาน ตนได้แต่รับฟังไว้ แต่ที่ข่มขู่ไม่มีเพราะตนไม่กลัว และจะเดินหน้าในเรื่องนี้ต่อไป” นายบุญญฤทธิ์กล่าว