ปลัดอำเภอแม่ริม ส่งหนังสือเรียก "ฌอน" ชี้แจงปมรับบริจาคช่วยไฟป่าเชียงใหม่ พร้อมนำหลักฐานมาแสดงภายใน 7 วัน ขณะที่ทีมอาสาดับไฟป่าดอยสุเทพจี้ มาแจงให้ชัดเจน หวั่นคนกังวลใจไม่มีใครบริจาคช่วยอีก
จากกรณีนาย “ฌอน บูรณะหิรัญ” ไลฟ์โค้ชและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจชื่อดัง ที่ถูกสังคมตั้งประเด็นสงสัยเกี่ยวกับความโปร่งใสเรื่องเงินรับบริจาคช่วยอาสาสมัครดับไฟป่าดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ โดยเรียกร้องให้ชี้แจงบัญชีรายรับจ่ายอย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม “ฌอน” ยังคงเก็บตัวเงียบ และล่าสุดมีกระแสข่าวว่า “ฌอน” เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว
เมื่อวันที่ 4 ก.ค.63 นายกมลรัฐ ลิ้มไขแสง หรือ “พ่อหลวงอุ๋ย” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านโป่งน้อย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นหนึ่งหมู่บ้านอาสาเฝ้าระวังและดับไฟป่า ในช่วงที่เกิดสถานการณ์ไฟไหม้ป่าดอยสุเทพอย่างรุนแรง และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งทีมรถจักรยานยนต์วิบากสายตรวจไฟป่าของตำบลสุเทพ เปิดเผยว่า กรณีการเปิดรับบริจาคของ “ฌอน” นั้น เคยทราบจากข่าวและเข้าใจมาโดยตลอดว่ามีการประสานกับหน่วยงานราชการในการ ที่จะนำส่งการช่วยเหลือสนับสนุนต่อให้กับชาวบ้าน และอาสาสมัครที่ทำงานในการดับไฟป่ากระทั่งมาทราบในภายหลังว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มีการประสานใดๆ ผ่านทางหน่วยงานราชการ
พ่อหลวงอุ๋ย กล่าวต่อว่า ขณะที่ในส่วนของชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันว่าไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใดๆ จากนายฌอน บูรณะหิรัญ รวมทั้งศิลปินดาราและคนดังอื่นๆ ด้วย เพราะปกติจะรับผ่านทางหน่วยงานราชการเท่านั้น ซึ่งจากกรณีที่เกิดขึ้นอยากเรียกร้องให้ “ฌอน” ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างละเอียดโดยเร็ว กรณีที่เกิดขึ้นสร้างความกังวลและไม่สบายใจให้กับชาวบ้านและอาสาสมัครเฝ้าระวังดับไฟป่าอย่างมาก เพราะต้องยอมรับความจริงว่า ปัญหาอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งของชาวบ้านและอาสาสมัคร ในการทำงานช่วยจัดการไฟป่านั้นเป็นเรื่องงบประมาณ ที่ลำพังของทางราชการอย่างเดียวไม่เพียงพอ
...
นายกมลรัฐ กล่าวอีกว่า ขณะที่ชาวบ้านและอาสาสมัครต่างทำงานด้วยใจเสียสละและไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ ทำให้มีความจำเป็นต้องมีการรับบริจาคในเรื่องอาหารการกินและอุปกรณ์การทำงาน เพื่อไม่ให้เป็นภาระของชาวบ้านและอาสาสมัครที่อุตส่าห์เสียสละลงแรงแล้ว ซึ่งปกติประชาชนและภาคเอกชนจะบริจาคสนับสนุนผ่านหน่วยงานราชการ เช่น อำเภอ, เทศบาล หรือทางอุทยานฯ อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นทุกคนที่ทำงานต่างเกิดความกังวลใจว่าในอนาคตจะไม่มีใครกล้าบริจาคอีก ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นการบั่นทอนกำลังใจคนเสียสละทำงานอย่างมาก
"ชาวบ้านในพื้นที่ รวมทั้งอาสาสมัคร ถือว่ามีบทบาทอย่างยิ่งในการจัดการไฟป่า รอบบริเวณดอยสุเทพ พวกเขาทำงานกันตลอดทั้ง ปีแม้ว่าจะไม่ได้รับค่าตอบแทน เพราะตระหนักดีว่าพื้นที่ป่าดอยสุเทพนั้น เป็นหัวใจของเมืองเชียงใหม่ จึงต้องการจะป้องกันให้ปราศจากปัญหาไฟป่า โดยในช่วงที่ไม่มีไฟป่าจะร่วมกันทำแนวกันไฟและทำฝายชะลอน้ำ รวมทั้งปลูกป่าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นลดความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้ป่า ขณะที่เมื่อเข้าช่วงไฟป่าจะมีการจัดเวรเฝ้าระวัง แจ้งเตือนและช่วยดับไฟป่าด้วย ทั้งนี้การบริจาคช่วยเหลือสนับสนุนการทำงานถือเป็นเรื่องที่ดี และเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับชาวบ้าน ที่เสียสละแทนที่จะต้องรับผิดชอบดูแลตัวเองทั้งหมด" พ่อหลวงอุ๋ย กล่าว
ล่าสุด ความคืบหน้าในการติดตามตัวนายฌอน บูรณะหิรัญ ของ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากที่ทางนายอรรถชา กัมปนาทแสนยากร นายอำเภอแม่ริม ได้เซ็นหนังสือรับทราบในการที่มีผู้มาร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่ริม กรณีการรับบริจาคและเรี่ยไรเงินของนายฌอน บูรณะหิรัญ ในเรื่องนี้ตนในฐานะรับผิดชอบศูนย์ดำรงธรรมแม่ริม จึงได้ทำหนังสือแล้วเพื่อส่งไปให้นายฌอน ตามที่อยู่ที่มีภูมิลำเนาที่ระบุไว้ตามกฎหมาย ซึ่งทางเรามีแล้วแต่ขอปิดไว้ก่อนเพื่อจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ปลัด อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ กล่าวต่อว่า อยากจะขอให้นายฌอนมาให้ข้อเท็จจริงพร้อมนำหลักฐานมาแสดงที่เกี่ยวกับการเรี่ยไรทั้งใบอนุญาต ทั้งวัตถุประสงค์ โดยขอให้เขามาพบหลังจากได้รับหนังสือไม่เกิน 7 วัน โดยให้เขามาให้ถ้อยคำ แต่หากเขาไม่มาก็ขอให้เขาส่งเอกสารมาก็ได้ หรือไม่มาก็ได้เรื่องของเขา แต่การไม่มาก็ไม่เป็นผลดีต่อเขา
นายบุญญฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้เราทำ 2 ส่วนถามเขาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตนถามในฐานะเขาต้องแสดงเพราะเป็นไปตามกฎหมาย หากเขาไม่มาก็จะทำควบคู่ไปกับพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด ใครที่ถูกเขาเรี่ยไรก็จะขอเชิญมาทำการสอบเห็นว่ามีดาราหลายคนอยู่ด้วย แต่สำหรับด้านทางเจ้าหน้าที่ หรืออาสาดับไฟป่าตอนนี้ตนสอบแทบจะหมดแล้ว เหลือแต่ให้ฌอน ชี้แจง และหาพยานสักคนที่มีการขอรับการสนับสนุนจากนายฌอนและโอนเงินไปให้ ตามที่ตนเห็นในคลิปก็มีดาราดังหลายคนที่บริจาคให้ฌอน ซึ่งตนจะทำหนังสื่อขอความร่วมมือ
เมื่อถามว่ากรณีมีกระแสข่าวว่า นายฌอน ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ในเรื่องนี้จะส่งผลอย่างไรบ้าง ปลัดอำเภอแม่ริม กล่าวว่า ตนไม่ทราบแต่ก็เป็นสิทธิ์ของเขา เพราะในขณะนี้เขายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่สามารถเดินทางออกไปต่างประเทศได้ แต่ว่าถึงจะหนีไปในเมื่อเขาทำผิด ก็จะต้องดำเนินการไปตามพยานหลักฐานต่อไป.