เด็กชาย 3 คนพี่น้องที่กำแพงเพชร พ่อแม่ไปคนละทาง เด็กอยู่กับปู่กับย่า โดยปู่ตาบอด ย่าเพิ่งถูกพบเป็นมะเร็ง อาการทรุดเข้าไอซียูพี่คนโตไปนอนเฝ้า จนพยาบาลสงสัย ถาม "ไม่มีผู้ใหญ่มาเฝ้าเหรอ" วอนสังคมช่วยเหลือให้เด็กได้เรียน 

วันที่ 18 มิ.ย.63 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 118 ม.3 ต.ท่าพุทรา อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้สภาพเก่า ได้ไปพบกับครอบครัวของเด็ก 3 คน ที่เลี้ยงดูปู่ตาบอดสนิท และย่าที่ป่วย โดยสมาชิกในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวมีทั้งหมด 5 คน คือ นายขยาย จาดดำ อายุ 77 ปี ผู้เป็นปู่ นางส้มแป้น จาดดำ อายุ 75 ปี ย่า พร้อมหลานอีก 3 คน คือ ด.ช.พงศ์ภีระ จาดดำ หรือน้องน๊อต อายุ 12 ปี ด.ช.ณัฐวุฒิ จาดดำ หรือหมึก อายุ 11 ปี ด.ช.อนุชิต จาดดำ หรือน้องนิว อายุ 10 ปี โดยเด็กทั้ง 3 คน เป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน เรียนอยู่ชั้น ป.4, ป.5, ป.6 โรงเรียนบ้านท่าพุทรา ม.3 ต.ท่าพุทรา อ.คลองขลุง ใช้วิธีเดินเท้าไปโรงเรียนที่ห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ นางส้มแป้น ผู้เป็นย่า ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดระยะที่ 4 และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร โดยมีหลานชายคนโต ด.ช.พงศ์ภีระ จาดดำ หรือน้องน๊อต อายุ 12 ปี ไปเฝ้าย่าที่โรงพยาบาล ไม่มีญาติคนอื่นไปเฝ้าเปลี่ยนแทน

...

ในทุกวัน เด็กๆ 3 คน พี่น้อง จะต้องออกไปรับจ้างเลี้ยงแพะ รีดนมแพะ รับจ้างเป็นมัคนายกตามงานศพต่างๆ ในพื้นที่ บางครั้งก็รับจ้างบวชสามเณรหน้าไฟ และล้างโลงเย็นให้กับวัด เพื่อแลกเงินมาซื้อข้าวให้ปู่กับย่ากิน และนำไปเป็นทุนการศึกษา จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อนผู้เป็นย่า มีอาการป่วยและต้องนำส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร มีเพียงหลานชายคนโตไปเฝ้าเพียงลำพัง ซึ่งพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยได้สอบถามเด็กว่า "ไม่มีผู้ใหญ่มาเฝ้าด้วยเหรอ" เด็กก็ตอบว่าไม่มีใครเลยอยู่กันแค่ 3 พี่น้องเท่านั้น

จากการที่ได้พูดคุย ทราบว่า ก่อนที่ผู้เป็นย่าจะป่วยหนัก ด.ช.พงศ์ภีระ หรือน้องน๊อต พี่ชายคนโต ได้นั่งปักเสื้อนักเรียนของตนเองและน้องๆ หวังจะนำไปใส่ตอนเปิดเรียนในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงเปิดเทอมพอดี เพราะไม่มีเงินไปจ้างร้านปักเสื้อ ซื้อชุดใหม่ และชุดนักเรียน ก็ใช้ต่อกันจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง ด้วยความยากจนและไม่มีพ่อแม่ดูแล เนื่องจากพ่อและแม่ได้แยกทางกันไป 3 ปีแล้ว ไม่ได้มีการส่งเสียเงินมาแต่อย่างใด

ส่วนสาเหตุที่ผู้เป็นปู่นั้นตาบอด เนื่องจากเมื่อก่อนมีอาชีพเป็นช่างไม้ ได้ป่วยเป็นโรคตาต้อกระจกและต้อหินจนตาบอดสนิทในปัจจุบัน และเด็กทั้ง 3 คนก็อยู่กันเพียงลำพังกับปู่และย่า ดูแลกันตามมีตามเกิด ส่วนเพื่อนบ้าน มีที่หยิบยื่นอาหารให้บ้างเป็นบ้างครั้ง แต่ก็ไม่ได้ให้ตลอด มีเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและคนพิการของปู่กับย่าเพียงน้อยนิดที่เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านแต่ไม่เพียงพอ ส่วนปู่นั้นมีลูกชายเพียงคนเดียวซึ่งเป็นพ่อของเด็กทั้ง 3 คน ก็ไม่ได้มาเลี้ยงดูส่งเสียแต่อย่างใด และได้แยกทางกับแม่ของเด็กหลายปีแล้ว

นายไพฑูรย์ เดียววาณิช อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ท่าพุทรา เล่าว่าสิ่งที่เป็นห่วงที่สุดคืออนาคตของเด็กทั้ง 3 คน เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เด็กจะดีหรือชั่ว ซึ่งพ่อแม่ของเด็กทั้ง 3 คน ได้แยกทางกันไปเกือบ 3 ปี เด็กๆ ยังต้องหาเลี้ยงผู้เป็นปู่และย่าที่แก่ชรากันเพียงลำพัง อยากให้ผู้ใจบุญเมตตาเด็กๆ ให้มีทุนการศึกษาในอนาคตต่อไปด้วย

ขณะที่นายรัชชานนท์ สัตยะคำ อายุ 31 ปี เจ้าของฟาร์มแพะและประธานชุมชนในพื้นที่ที่จ้างเด็กๆ ทั้ง 3 คน ไปเลี้ยงแพ และช่วยเหลือในเรื่องอาหาร เล่าว่า จากสภาพความเป็นอยู่ที่เด็ก มันหนักเกินไปที่จะต้องรับผิดชอบอะไรแบบนี้ หลังพ่อแม่แยกทางกันไปก็มีติดต่อส่งเสียบ้าง แต่หลังๆ มาก็ไม่ติดต่ออีกเลยนานกว่า 3 ปีแล้ว ซึ่งในพื้นที่ก็มีนายสุรเดช แสงแก้ว อายุ 68 ปี ประธานชมรมผู้สูงอายุ และผู้นำท้องถิ่น ได้เข้าไปดูแลแต่ก็ไม่ได้มากมายนัก เห็นแล้วก็มีความสงสารเป็นอย่างมาก และหากมีผู้บริจาคเงินมาก็พร้อมจะตั้งคณะกรรมการดูแลเงินให้เป็นทุนการศึกษาของเด็กทั้ง 3 คน จนจบปริญญาตรี

...

สำหรับวันนี้ ผู้สื่อข่าวเข้าไปที่บ้านของเด็กทั้ง 3 คน พบเพียงเด็ก 2 คน ที่ดูแลปู่อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว ส่วนพี่ชายคนโตได้ทำหน้าที่เฝ้าย่าอยู่ที่โรงพยาบาลกำแพงเพชรซึ่งมีอาการโคม่าอยู่ในห้อง ICU

ทั้งนี้ ผู้ใจบุญที่จะบริจาคเงินเป็นทุนการศึกษาให้เด็กทั้ง 3 คน สามารถบริจาคได้ที่บัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาท่าพุทรา เลขบัญชี ‭020170986717‬ ชื่อบัญชี ด.ช.ณัฐวุฒิ จาดดำ