เหตุสลด ลูกชายผลักพ่อพ้นกิ่งไม้ใหญ่ จนตัวเองถูกทับเสียชีวิต คนเป็นพ่อเผยนาทีชีวิต ไม้ที่โค่นกิ่งลงค้ำดิน ทำให้ดีดเปลี่ยนทิศ หนีแล้วแต่เหมือนมีคนมาดึงขา ลูกชายต้องกระโจนผลักร่างให้พ้นวิถี โดนฟาดล้มทับติดอยู่ที่ขาพ่อ จนมีคนมาช่วยดึงออก จึงรู้ว่าลูกตายแล้ว
จากกรณี ร.ต.อ.สกนธิ์ เชี่ยววิจิตร รอง สว.(สอบสวน) สภ.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้รับแจ้งเหตุต้นไม้ล้มทับคนเสียชีวิต ที่บ้านใหม่เขาน้อย หมู่ 13 ต.แก่งโสภา ไปตรวจสอบ พบผู้บาดเจ็บคือ นายเพลิน จันทะคีลี อายุ 73 ปี บ้านเลขที่ 414 หมู่ 13 ต.แก่งโสภา จึงให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถานนำส่งให้แพทย์รักษาที่ รพ.วังทอง และในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายสมคิด จันทะคีลี อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 29 หมู่ 4 ต.แก่งโสภา เป็นบุตรชายของนายเพลิน ซึ่งการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายสมคิดตัดโค่นต้นตะโกจนเอนล้มไปทางนายเพลิน นายสมคิดได้กระโดดเข้าไปเพื่อผลักพ่อให้พ้นต้นไม้แต่ตนเองถูกต้นไม้ทับจนเสียชีวิตส่วนพ่อได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุด ช่วงเช้าวันที่ 3 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางพบ นายเพลิน จันทะคีลี อายุ 73 ปี ผู้บาดเจ็บที่บ้านพัก พบว่าขาข้างขวาบวมช่วงบริเวณหัวเข่าและหน้าแข้ง แต่นายเพลินได้แกะเฝือกอ่อนที่แพทย์ใส่ไว้ให้ออกแล้ว เนื่องจากนั่งนอนไม่ถนัดและเกิดอาการอึดอัด อีกทั้งกระดูกก็ไม่แตกร้าวหรือหักแต่อย่างใด หลังแพทย์เอกซเรย์ดูให้แล้ว 2 ครั้งช่วงหัวค่ำวานนี้
...
นายเพลิน เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า นายสมคิดบุตรชายไปตัดต้นตะโกในที่ดินของนายสมคิดเอง ซึ่งเป็นพื้นที่ทำนาสลับกับทำข้าวโพดในฤดูแล้ง ตนไปช่วยหยอดน้ำมันเลื่อยโซ่ยนต์ พอโค่นต้นตะโกเอนลง ปรากฏว่ามีกิ่งขนาดใหญ่ค้ำอยู่ ทำให้โคนต้นดีดมาทางด้านที่นายสมคิดกับตนยืนอยู่ ซึ่งตนพยายามวิ่งหนี แต่ไปได้นิดเดียวปรากฏว่าขาข้างซ้ายยกไม่ขึ้น เหมือนมีคนดึงไว้ยังไงไม่รู้ สนายสมคิดบุตรชายจึงกระโจนเข้ามาเพื่อผลักให้พ้นต้นไม้ แต่ต้นไม้ฟาดและทับร่างของนายสมคิดล้มลงจนหัวทับอยู่ที่ขาข้างขวาของตน ทำให้ลุกขึ้นยืนไม่ได้
พอดี มีเพื่อนบ้านที่ยืนดูอยู่บนถนนเห็นเหตุการณ์มาช่วย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ก่อนไปเรียกชาวบ้านในหมู่บ้านนำแม่แรง(จระเข้) มายกและใช้ไม้งัดนำตนออกมา จึงทราบว่านายสมคิดบุตรชายเสียชีวิตไปแล้ว หากบุตรชายไม่ผลักตนออกก็คงถูกต้นไม้ทับเสียชีวิตไปพร้อมกันแน่นอน
ด้าน นายแสวง บุญยัง อายุ 67 ปี เปิดเผยว่า ตนกับพวกอีก 2 คน ไปเก็บผักบุ้งแถวที่เกิดเหตุแล้วพากันยืนดูนายสมคิดตัดต้นไม้อยู่บนถนนใกล้กับที่นาของนายสมคิด พอเห็นต้นไม้ล้มและโคนต้นไม้ดีดไปทางนายสมคิดและนายเพลิน ยังตะโกนบอกให้ทั้งสองคนหนี แต่ก็ไม่ทันแล้ว เห็นโคนต้นไม้ดีดใส่นายสมคิดทำให้เสียชีวิตและนายเพลินได้รับบาดเจ็บ
"สาเหตุที่ต้นตะโกดีดใส่ก็เพราะกิ่งไม้ของต้นตะโกค้ำกับดินไม่ยอมหัก เลยทำให้โคนดีดไปด้านที่ทั้งสองคนยืนอยู่ หลังเกิดเหตุเข้าไปดูช่วยอะไรไม่ได้ต้องไปตามเพื่อนบ้านนำแม่แรงมายกและใช้ท่อนไม้ช่วยกันงัด รวมทั้งแรงของชาวบ้านร่วม 30 คน จึงสามารถนำร่างของนายสมคิดที่เสียชีวิตและนายเพลินที่ได้รับบาดเจ็บออกมาได้"
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 4 ต.แก่งโสภา ซึ่งเป็นบ้านของนายสมคิด ที่ภรรยาและญาตินำศพนายสมคิดมาบำเพ็ญกุศล พบนายแหลม ขันตรมิตร อายุ 55 ปี ส.อบต.แก่งโสภา พี่ชายของนายสมคิด เปิดเผยว่า ต้นตะโกที่นายสมคิดไปตัดนั้นจะนำมาแปรรูปสำหรับต่อเติมห้องครัวที่บ้าน โดยน้องชายได้ไปตัดไม้กับนายเพลินผู้เป็นบิดา ส่วนตนไปทำไร่กลับมาก็ได้ข่าวว่าต้นไม้ทับน้องชายกับพ่อ ไปดูพบว่าชาวบ้านช่วยกันนำออกจากต้นไม้กันแล้ว สำหรับกำหนดฌาปนกิจศพของนายสมคิดคือวันอังคารที่ 5 พ.ค. ที่วัดเขาน้อยศรีรัตนาราม ซึ่งเป็นวัดในหมู่บ้าน
ด้าน นางบัวเรียน บัวสี อายุ 55 ปี ส.อบต.แก่งโสภา เปิดเผยว่า นายสมคิดเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เป็นคนขยัน นิสัยร่าเริงมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ทำนา และทำไร่ข้าวโพด ส่งเสียลูกสาวจนเรียนจบปริญญาตรี ตอนตั้งด่านหมู่บ้านด้วยกันยังพูดเล่นเรื่องตายในวันที่ตั้งด่านวันสุดท้ายคือวันที่ 30 เมษายนกันว่า ถ้าตายก็ตายในหน้าที่ แต่ไม่ใช่ตายเพราะโรคโควิดนะ แต่ตายเพราะใส่หน้ากากอนามัยนี่แหละ เพราะนายสมคิดเป็นคนขี้เล่นพูดตลกสนุกสนานเฮฮา อัธยาศัยดี