หนุ่มเมืองน่านอ้างต้องตกงานจากโควิด-19 เห็นช่องทางค้าขายเอากำไรมาเลี้ยงชีวิต ไปรับเหล้าเถื่อนมาบรรจุขวดใส่ตู้เย็นขาย ถูกตำรวจ ปกครอง ตม. สรรพสามิต รุมจับคาบ้าน
วันที่ 21 เมษายน พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ ศิริเดชอนันต์ ผกก.สภ.เมืองน่าน, บูรณาการร่วมจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่สรรพสามิต เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกันจับกุมตัว นายอาทิตย์ อายุ 26 ปี ชาวบ้านหมู่ 7 ต.ศิลาแลง อ.ปัว จ.น่าน พร้อมของกลาง
1. สุราขาวไม่มียี่ห้อ ไม่ทราบแหล่งผลิตจำนวน 2 ขวด ได้จากการล่อซื้อ 2. สุราขาวไม่มียี่ฮ้อ ไม่ทราบแหล่งผลิต 13 ขวด (ได้จากการตรวจค้น) 3. ธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับละ 100 บาท จำนวน 1 ฉบับ ฉบับละ 20 บาท จำนวน 2 ฉบับ รวมมูลค่า 140 บาท เป็นเงินที่มอบให้สายลับทำการล่อซื้อ 4. ถังพลาสติกทึบ ขนาด 20 ลิตรจำนวน 2 ถัง
ทั้งนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีการลักลอบจำหน่ายสุราเถื่อน โดยแบ่งบรรจุขวด 600 มล.ขายขวด ละ 70 บาท ที่บ้านเลขที่ 1/5 ถ.ผากอง ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน จึงได้วางแผนล่อซื้อ เนื่องจากเป็นการฝ่าฝืนประกาศห้ามของ จ.น่าน ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยใช้เงินเงิน 140 บาท ซื้อและรับสินค้าเป็นสุราขาวบรรจุขวดพลาสติก ขนาด 600 มล. จำนวน 2 ขวด
จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวทำการจับกุมและขอตรวจค้นโดยนายอาทิตย์ ยินยอมและนำตรวจค้นด้วยตนเอง พบเงินล่อซื้ออยู่กล่องคุ้กกี้ สุราขาวไม่ทราบยี่ห้อ ไม่ทราบแหล่งผลิตบรรจุขวดพาลาสติก ขนาด 600 มล. จำนวน 13 ขวดแช่ในตู้เย็นในบ้านวเพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าที่มาซื้อ จึงยึดเป็นของกลางทั้งหมด
จากการสอบสวนนายอาทิตย์ ในเบื้องต้นรับว่า เมื่อ 3 วันที่ผ่านมาได้ไปซื้อสุราขาว มาจากโรงต้มบ้านฝายแก้ว ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน จำนวน 2 ถัง รวม 40 ลิตร และนำมาแบ่งขายบรรจุ ขวดพลาสติก ขนาด 600 มล.บรรจุขายไปบางส่วนราคาขวด ละ 70 บาท เนื่องจากตกงานจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ช่วงโควิด-19 จึงได้ลงทุนซื้อเหล้าเถื่อนแล้วนำมาบรรจุขาย เพื่อเอากำไรมาเลี้ยงชีวิต จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดังกล่าว
...
เบื้องต้น แจ้งข้อกล่าวหาว่า ฝ่าฝืนคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เรื่องมาตรการเร่งด่วนในการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรดติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ฉบับที่ 6 และฉบับที่ 7 ซึ่งให้งดจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และขายสุรามีไว้เพื่อขายโดยไม่รู้แหล่งที่มา และขายและมีไว้เพื่อขายซึ่งสุราผลิตขึ้นโดยฝ่าฝืนมาตรา 153 วรรคหนึ่ง อันเป็นการฝ่าฝืนตาม มาตรา 191 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป