สาธารณสุขพิษณุโลก ร่วมกับ ผอ.รพ.พุทธชินราช แถลงสถานการณ์โควิด-19 พบผู้ติดเชื้อใหม่ 1 ราย เป็นนักศึกษาหญิงกลับจากต่างประเทศ กักตัวคนในครอบครัวเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดแล้ว ติงคนกลับจาก กทม.-ปริมณฑล ไม่กักตัวเอง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 เม.ย. 2563 ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก นายแพทย์รัฐภูมิ ชามพูนท รักษาการนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย นายแพทย์สุชาติ พรเจริญพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธชินราช ได้ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดพิษณุโลก หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 1 ราย

นายแพทย์สุชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ล่าสุด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 1 ราย รวมยอดสะสม 4 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต โดยผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เป็นนักศึกษาหญิง อายุ 23 ปี เดินทางกลับจากสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2563 โดยเริ่มมีอาการไข้ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. แต่กินยาลดไข้จึงไม่แสดงอาการเมื่อผ่านจุดคัดกรองที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นบิดาซึ่งเป็นนักการเมืองชื่อดังของจังหวัดพิษณุโลก ได้รับบุตรสาวแล้วพาไปตรวจหาเชื้อไวรัส โควิด-19 ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง และเดินทางกลับจังหวัดพิษณุโลกโดยไม่แวะพักที่ใดและกักตัวอยู่ในบ้านตามมาตรการ 14 วัน โดยไม่สัมผัสกับคนในครอบครัว

ต่อมาในวันที่ 2 เม.ย. ได้รับแจ้งว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช อาการไม่น่าเป็นห่วง ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้ให้กักตัวคนในครอบครัวซึ่งเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดไว้จำนวน 5 คน โดยเฉพาะมารดาที่ทำงานอยู่บนศาลากลางจังหวัดพิษณุโลกหลังใหม่ ซึ่งเมื่อวานนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก สั่งการให้ดำเนินการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อและทำความสะอาดห้องทำงาน รวมทั้งบริเวณจุดเสี่ยงแล้ว

...

ด้าน นายแพทย์รัฐภูมิ กล่าวว่า จังหวัดพิษณุโลก มีผู้เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งเขตติดโรคอันตราย และพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง กระจายทั้ง 9 อำเภอ รวม 277 คน ยังอยู่ในการติดตามเฝ้าระวังอาการปกติ จำนวน 61 คน ส่วนผู้ที่เดินทางกลับจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีจำนวน 5,177 คน พบว่าทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่กับบ้านเท่าที่รณรงค์ไว้ แต่กลับออกจากบ้านไปสถานที่ต่างๆ ทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ กรณีผู้ติดเชื้อ 3 รายแรกของจังหวัดพิษณุโลก พบว่ามีผู้สัมผัสมากเกือบ 1,000 คน ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการติดตามเพื่อแยกตัวออกจากสังคมเป็นเวลา 14 วัน และส่งต่อข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขฯ เพื่อระวังคัดกรองกลุ่มเสี่ยงต่อไป.