เจ้าหน้าที่ สสจ.เชียงใหม่ เฝ้าดูอาการ นักท่องเที่ยวจีนผู้ต้องสงสัยปอดอักเสบด้วยเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 สสจ.เชียงใหม่ เผยที่ผ่านมาผู้ต้องสงสัยเข้าข่ายผู้ป่วย 5 ราย เฝ้าระวัง 3 ราย
กรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้มีการตรวจพบผู้โดยสารจากเมืองอู่ฮั่น ในเที่ยวบิน CA707 เป็นเด็กชายมีไข้สูง 38.2 องศาเซลเซียส 1 ราย เป็นชายชาวจีน วัย 18 ปี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้มีการ นำตัวเข้าสู่กระบวนการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะมีหลายขั้นตอนตั้งแต่ทำการคัดกรอง และแยกตัวเพื่อนำส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ที่มีการจัดห้องควบคุมเฉพาะไว้เพื่อการตรวจรักษา หากตรวจพบว่าป่วยด้วยเชื้อที่สามารถระบุชนิดได้ก็จะรักษาตามปกติ ยกเว้นในกรณีที่ตรวจไม่พบสาเหตุ จึงจะแยกรักษาตามอาการต่อไป

เมื่อวันที่ นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อช่วงสายวานนี้ได้มีการตรวจพบผู้โดยสารจากเมืองอู่ฮั่น ในเที่ยวบิน CA707 เป็นเด็กชายมีไข้สูง 38.2 องศาเซลเซียส 1 ราย ซึ่งต้องสงสัยป่วยโรคปอดอักเสบด้วยไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยพบว่าเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน อายุ 18 ปี มีไข้สูง เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้มีการทำการคัดกรองและแยกตัวเพื่อนำส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ที่มีการจัดห้องควบคุมเฉพาะ และได้มีการเจาะเลือดเพื่อส่งเลือดไปตรวจที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จะต้องใช้เวลา 2 วัน"
...

ช่วงก่อนเที่ยงวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลนครพิงค์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ทางแพทย์และพยาบาลยังได้เฝ้ารอดูอาการผู้ป่วยต้องสงสัยรายนี้อย่างใกล้ชิด ที่อาคารผู้ป่วยใน 4 ชั้น 4 ซึ่งเป็นหอผู้ป่วยแยกโรคติดเชื้อ ซึ่งอาคารดังกล่าวนั้นได้มีการนำแผงเหล็กมากั้นไว้ที่หน้าลิฟต์ รวมถึงบันไดทางขึ้นก็ได้มีการปิดไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามา และเป็นการป้องกันการติดต่อของโรคต่างๆ ซึ่งขณะนี้ชาวจีนคนดังกล่าวยังคงรอผลการตรวจยืนยันอีกครั้งว่าจะเป็นโรคต้องสงสัยหรือไม่ ส่วนเจ้าหน้าที่ของทาง รพ.ไม่มีใครสามารถให้ข่าวนี้ได้

ทั้งนี้ที่ผ่านมาที่จังหวัดเชียงใหม่ พบผู้ต้องสงสัยเข้าข่ายผู้ป่วยโรคปอดอักเสบด้วยเชื้อไวรัสตัวใหม่ จำนวน 5 ราย แต่ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ป่วย 2 ราย เหลือผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวัง จำนวน 3 ราย ซึ่งยังอยู่ในระหว่างตรวจสอบ ขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งตระหนก เพราะองค์กรอนามัยโลกยังไม่มีการประกาศให้โรคดังกล่าวเป็นโรคเฝ้าระวังฉุกเฉิน โดยอย่างไรก็ดีทางเจ้าหน้าที่ก็ยังคงจะเฝ้าติดตามสถานการณ์ของโรคดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในประเทศไทยต่อไป.