อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รุดเยี่ยมเรือนจำ จ.พิษณุโลก หลังผู้ต้องขังป่วยตาย 4 รายรวด จากอาการไทรอยด์เป็นพิษ ส่งรพ.แอดมิตอีก 50 ราย เผยทั้ง 4 ราย ไม่ทุรนทุรายเหมือนเพลียหลับไป สันนิษฐาน "เกิดจากการบริโภคอาหารที่มีการปนเปื้อน"
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ม.ค. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก เรือนจำกลางพิษณุโลก และทัณฑสถานหญิง จ.พิษณุโลก ริมถนนสายพิษณุโลก–หล่มสัก หมู่ 8 ต.วังทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก โดยมี เรือโทวสันต์ คำนวล ผบ.เรือนจำ จ.พิษณุโลก พร้อมคณะให้การต้อนรับ ภายหลังมีผู้ต้องขังในเรือนจำป่วยตายไป 4 ราย โดยเบื้องต้นระบุว่า มาจากอาการ "ไทรอยด์เป็นพิษ"
พ.ต.อ.ณรัชต์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า มาวันนี้เข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ภายในเรือนจำ ขณะนี้จะเร็วเกินไปที่จะฟันธงว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ว่าหลักฐานทางราชการของกรมควบคุมโรคและสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ที่ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตบางส่วนมีภาวะโพแทสเซียมต่ำ
"สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากภาวะของการบริโภคอาหารที่มีการปนเปื้อน ทำให้ไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ก็จะเกิดภาวะเป็นลูกโซ่คือ โพแทสเซียมต่ำ มือเท้าอ่อนแรง ในบางรายที่มีอาการมากก็จะเสียชีวิต ตั้งแต่ห้วงวันที่ 29-31 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มีผู้ต้องขังในเรือนจำ จ.พิษณุโลก เสียชีวิตไปแล้ว 4 คน เราทั้งกรมราชทัณฑ์และจังหวัดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราได้ความร่วมมือจากแพทย์ พยาบาลในสังกัดสำนักงานสาธารณสุข จ.พิษณุโลก ระดมกำลังเข้ามาช่วยเหลือคัดกรองเบื้องต้น ด้วยการวัดชีพจรถ้าใครเกินกว่า 100 ครั้งต่อนาที ซึ่งมีอยู่จำนวน 610 คน ก็แยกออกไปตรวจสอบโดยละเอียด และมีการแอดมิตรับตัวเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาล 50 คน คือที่ รพ.ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 25 คน รพ.วังทอง และ รพ.พุทธชินราช จำนวนหนึ่ง"
...
สำหรับผู้ต้องขังภายในเรือนจำอีกกว่า 3,000 คน ในวันพรุ่งนี้ (7 ม.ค.) ทางกระทรวงสาธารณสุขจะจัดส่งเจ้าหน้าที่มาทำการเจาะเลือดบัตเทสต์ 100 เปอร์เซ็นต์ คือจะเก็บตัวอย่างเลือดไปวิเคราะห์ ตรวจสอบ คัดกรองโรคในเชิงการแพทย์ในห้องแล็บ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ก็จะได้ผลออกมา ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้ให้นโยบายมาว่า ให้มาดูแลบำรุงขวัญผู้ต้องขัง เมื่อเช้านี้ตนได้พูดคุยกับญาติมิตรของผู้ต้องขังที่มารอเยี่ยมให้เข้าใจถึงสถานการณ์ว่า ทางราชการทุกหน่วยไม่ว่าจะเป็น ผวจ.พิษณุโลก แม่ทัพภาคที่ 3 ก็มาตรวจเยี่ยมผู้ต้องขังเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาแล้ว รวมถึงแม่ทัพภาคที่ 3 ก็ยินดีเปิด รพ.ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราชให้การรักษาผู้ต้องขังที่ป่วยเต็มที่ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากโครงการพระราชทานปันสุข ทำความดีเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซึ่งระดมบุคลากรทางการแพทย์ และจิตอาสา ให้เข้ามาช่วยเหลือผู้ต้องขัง เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า มีความยากลำบากในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ หรือความรู้ในด้านการแพทย์ต่างๆ
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวต่อว่า จะเห็นว่าเรือนจำแห่งนี้ มีผู้ต้องขังกว่า 3,000 คน เราไม่มีแพทย์ประจำเรือนจำเลย มีเพียงพยาบาลเพียงแค่ 2 คน มีเจ้าหน้าที่ทั้งเรือนจำ 120 คน ถือว่าเป็นภาระที่ค่อนข้างหนักหน่วง ซึ่งตนได้ทำความเข้าใจกับผู้ต้องขัง แนะนำให้เขาสังเกตอาการตัวเอง พูดให้เขาเกิดความเบาใจ ว่าจะมีการตรวจการเทสต์การคัดกรอง บำบัดรักษาอย่างเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการเจาะเลือดตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ทั้งฝ่ายญาติและผู้ต้องขังก็ดูเหมือนมีความเข้าใจเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังได้กำชับเจ้าหน้าที่ ผบ.เรือนจำ ในพื้นที่นี้ที่มีเรือนจำ 3 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัด เรือนจำกลาง และทัณฑสถานหญิง ซึ่งอีกสองเรือนจำไม่มีปัญหาในลักษณะนี้ แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องมาช่วยกันดูที่เรือนจำจังหวัด รวมทั้งเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดสุโขทัย ที่ส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยเช่นกัน ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มาให้การช่วยเหลือดูแลสนับสนุนในครั้งนี้
"ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว คนป่วยเจ็บอาการไม่ดีก็แอดมิตไปหมดแล้ว ก็ไม่น่าจะมีใครมีอาการต้องเสียชีวิตเพิ่มเติม ก็ขอวิงวอนให้ญาติเข้าใจและอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ ทางราชการดูแลเป็นอย่างดีที่สุด สำหรับการดำเนินการขั้นต่อไป สมมติว่าผลการตรวจออกมาว่าการเจ็บป่วยเป็นผลมาจากอาหารปนเปื้อน อาหารไม่ดี ไม่ได้คุณภาพ ไม่ตรงตามสเปก ก็คงต้องมีการพิจารณาข้อบกพร่องทางวินัย ทั้งนี้ ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลทำงานกันสักนิด หากบกพร่องผิดพลาดหรือว่ามีนอกมีในต่างๆ ก็มีโทษทัณฑ์ทางราชการอยู่แล้ว"
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องทางปกครอง ต้องขอประมวลก่อน อาจจะมีมาตรการในการใช้ด้านการปกครองย้ายสับเปลี่ยน เป็นต้น กรณีที่ญาติผู้เสียชีวิตตั้งข้อสังเกตว่าทำไมผู้ต้องขังป่วยแล้วทำไมไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีนั้น ตนได้ตำหนิไปแล้ว เพราะทั้ง 4 รายเสียชีวิตในเรือนนอนภายในเรือนจำทั้งหมด ซึ่งโดยหลักแล้วถ้ามีการตื่นตัวมีการมอบหมายให้อาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำที่เราพยายามอบรมอยู่ ซึ่งมีอยู่ในเรือนจำแห่งนี้ประมาณกว่า 10 คน เนื่องจากผู้รับการอบรมบางส่วนพ้นโทษไปแล้ว ก็คงต้องจัดการอบรมเพิ่มอีก เพื่อจะได้ช่วยกันสังเกตอาการของผู้ต้องขังหากใครมีอาการไม่ดีก็ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวต่อว่า เท่าที่ทราบกลางคืนกำลังเจ้าหน้าที่ของเรามีน้อย ผู้ต้องขังมีจำนวนมากและอยู่ตามห้องต่างๆ จากการตรวจดูกล้องวงจรปิดก็ไม่พบว่ามีการทำร้ายให้เสียชีวิต แต่ผู้ต้องขังทั้ง 4 รายเสียชีวิตด้วยการเจ็บป่วย ก่อนเสียชีวิตไม่มีการร้องเอะอะโวยวาย หรือทุรนทุราย เป็นลักษณะนอนไปเพลียไป พลิกตัวไปมาถีบผ้าห่มออกเหมือนร้อน แล้วก็เสียชีวิตไปในที่สุด คิดว่าญาติน่าจะสบายใจกว่าหากผู้ต้องขังไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล นั่นหมายความว่าเรามีการตรวจสอบพยายามรักษา และส่งออกไปรักษากับบุคลากรทางการแพทย์มากกว่าการปล่อยให้เสียชีวิตภายในเรือนจำ เรื่องนี้ตนขอรับไปแก้ไข วางมาตรการเพิ่มยิ่งขึ้น ส่วนการเพิ่มกำลังของพยาบาลในเรือนจำนั้น ต้องยึดโยงกับอัตรากำลัง ซึ่งที่ผ่านมาเราได้รับอัตราเพิ่มมาตามลำดับ แต่จำนวนประชากรผู้ต้องขังค่อนข้างจะมาก ที่เรือนจำเราสามารถจะดูแลได้
...
ทั้งนี้ ตามสัดส่วนของกำลังเจ้าหน้าที่จะดูแลผู้ต้องขังได้ 120,000 คน แต่ปัจจุบันมีผู้ต้องขังถึง 370,000 คน ฉะนั้นจำนวนอัตราเจ้าหน้าที่ก็ได้รับอนุญาตจัดสรรให้มาตามลำดับ แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ต้องขังที่เพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมาก เราได้รับความกรุณาจากทางรัฐบาล กพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้อัตรากำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นมาตามลำดับ เช่นปีนี้ สำนักงบประมาณแผ่นดินก็อนุมัติให้สร้างโรงพยาบาลราชทัณฑ์แห่งที่ 2 ซึ่งก็คงมีอัตราหมอแพทย์พยาบาลตามมาพอสมควร
"ถ้าถามว่าเพียงพอหรือไม่ก็คงยังไม่เพียงพอ ส่วนเรื่องอาหารนั้นปีนี้เราใช้วิธีการจัดซื้อด้วยวิธีการคัดเลือก ที่เรือนจำ จ.พิษณุโลก ที่ส่งอาหารที่เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารให้กับผู้ต้องขัง คือผู้ประกอบการในสังกัดขององค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ และ อตก.ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งสหกรณ์ต่างๆ ในพื้นที่ ที่ต้องตั้งตัวแทนเข้ามาแข่งขันราคากันโดยใช้วิธีคัดเลือก ในประเด็นผู้ส่งเราเคยมีหนังสือแจ้งไปยังรัฐวิสาหกิจอยู่เป็นประจำ ในเรื่องสินค้าที่เป็นวัตถุดิบให้เป็นไปตามสเปก ทั้งปริมาณและคุณภาพ ถ้าไม่มีการแก้ไขก็ตรวจรับไม่ได้และจะต้องเปลี่ยนคนส่งให้ อันนี้เป็นไปตามกฎหมาย ในส่วนของเราเองก็ต้องดูเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบว่ามีการปล่อยปละละเลย ตรวจแบบขอไปทีหรือเปล่า เนื้อหมูเนื้อไก่จะมาตรวจรับ ถ้าเขาส่งเป็นเศษเนื้อสับหรือบดปนกระดูก เพื่อให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น อย่างนี้ก็ไม่ถูก ต้องมีโทษทัณฑ์ แต่ขอให้ทางฝ่ายผู้ตรวจราชการกรมได้สรุปข้อเท็จจริงมาให้ก่อนถึงจะดำเนินการได้"