สสจ.กำแพงเพชร เตือนผู้ปกครองช่วงปลายฝนต้นหนาว ระวังบุตรหลานป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ จากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ชี้อาการดูเหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่ร้ายแรงกว่า ถึงชีวิตได้
จากที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ระวังป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ จากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) โรคนี้พบมากในช่วงฤดูฝน ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยทั่วไปเชื้อไวรัส RSV ไม่ใช่ไวรัสที่เป็นอันตรายรุนแรงในคนปกติ มักจะเป็นการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนซึ่งอาจทำให้มีอาการไอหรือมีอาการคล้ายโรคหวัดทั่วไปเท่านั้น ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณการว่า จะพบเด็กทั่วโลกเสียชีวิตจากการติดเชื้อ RSV ถึงปีละ 160,000 ราย โดยมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีทั่วโลก ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว 33.8 ล้านคน ในจำนวนนี้ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลถึง 3.4 ล้านคน สำหรับประเทศ
เมื่อวันที่ 16 พ.ย.62 นายแพทย์จักรพงษ์ เฮงตระกูลเวนิช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร เผยว่า ช่วงฤดูฝน ประเทศไทยมักพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory Syncytia
...
l Virus: RSV) โดยเชื้อไวรัสนี้ติดต่อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ เช่น น้ำมูก เสมหะของผู้ป่วย เป็นต้น โดยเชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางตา จมูก ปาก และจากการสูดหายใจเอาเชื้อที่อยู่ในอากาศในรูปละอองฝอยจากการไอ จามของผู้ป่วย ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะแสดงอาการหลังสัมผัสถูกเชื้อไวรัสในระยะเวลา 4-6 วัน และเมื่อป่วยจะสามารถแพร่กระจายเชื้อได้นาน 3-8 วัน
สำหรับโรคนี้พบได้ในผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ แต่อาการจะรุนแรงในเด็กเล็ก เด็กที่คลอดก่อนกำหนด และกลุ่มผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังเช่น เบาหวาน โรคปอด โรคหัวใจ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันร่างกายผิดปกติ เป็นต้น อาการโดยทั่วไปอาจจะเหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่อาการจำเพาะของเชื้อนี้ที่มักพบในเด็กเล็กคือ หลอดลมฝอยอักเสบ โดยเริ่มแรกจะมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จนถึงอาการรุนแรง เช่น หายใจหอบเหนื่อย อกบุ๋ม ได้ยินเสียงปอดผิดปกติ เสียงหายใจดังวี้ด เบื่ออาหารหายใจเร็วกว่าปกติ หายใจมีเสียงหวีด หายใจลำบาก จาม ไอ มีไข้ น้ำมูกไหล หงุดหงิดง่าย หรือเซื่องซึม
ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส RSV แต่สามารถปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ผู้ป่วยควรงดการออกนอกบ้านในช่วงที่ไม่สบาย เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น และควรปิดปากปิดจมูกเวลาไอจาม ทำความสะอาดบ้าน และของเล่นเด็กเป็นประจำ ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ
สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่พบว่าเด็กหรือทารกที่มีอาการป่วยเป็นหวัดดังกล่าว และมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส เซื่องซึม เบื่ออาหาร หรือมีผื่นขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการโดยด่วนและควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422.