ชาวนา "บางระกำโมเดล" จ.พิษณุโลก เร่งเกี่ยวข้าวขายหลังครบกำหนดเก็บเกี่ยว หวั่นพายุ “วิภา” ทำเสียหาย ขณะชลประทานเตือน ไม่ควรทำนารอบต่อไป เสี่ยงเจอน้ำท่วม น้ำหลาก 


เวลา 13.30 น. วันที่ 1 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาในพื้นที่หมู่ 9 ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ขณะนี้กำลังว่าจ้างรถเกี่ยวมาทำการเกี่ยวข้าวในนาของตัวเอง หลังจากได้ปลูกข้าวจนอายุครบกำหนด แต่ต้องประสบปัญหาจากภัยแล้งไม่มีน้ำใช้ทำการเกษตรกรรม และไม่ได้ผลผลิตตามที่ตั้งใจไว้ อีกทั้งยังประสบปัญหาข้าวดีด ข้าวเด้ง เนื่องจากเมื่อเมล็ดแก่ถูกลมพายุพัด และข้าวออกรวงไม่สม่ำเสมอ ก็ต้องยอมตัดสินใจเก็บเกี่ยวผลผลิตไปขายในราคาขาดทุน

นายเลี่ยม ช่างคง อายุ 56 ปี เกษตรกรชาวนา ต.ท่านางงาม กล่าวว่า วันนี้ตนได้ว่าจ้างรถเกี่ยวมาเกี่ยวข้าวในนาราคาไร่ละ 400 บาท หลังจากก่อนหน้านี้ได้หว่านเมล็ดข้าวพันธุ์ กข 61 ที่ปลูกเอาไว้จำนวนกว่า 16 ไร่ แต่ที่ผ่านมาต่างประสบปัญหาภัยแล้งทำนาได้ผลผลิตน้อย ซึ่งปกตินา 1 ไร่ จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่ต่ำกว่า 80 ถัง แต่ในปีนี้ทำนาเกี่ยวข้าวได้เพียงไร่ละประมาณ 50 ถังเท่านั้น และยังประสบปัญหาข้าวดีด ข้าวเด้ง เมื่อนำไปขายให้กับโรงสีหักค่าความชื้น 28 เปอร์เซ็นต์แล้ว จะขายได้เพียงตันละ 6,000-6,500 บาท แต่ก็ต้องยอมขายถึงแม้จะขาดทุนก็ตาม นอกจากนี้ทราบจากประกาศของกรมอุตุฯ ว่าจะมีพายุโซนร้อน “วิภา” จะทำให้มีฝนตกหนักโดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ จึงต้องเร่งว่าจ้างรถเกี่ยวข้าวเพื่อหนีลมพายุฝนให้ไวที่สุด เพราะข้าวในนามีอายุครบกำหนดจะเสียหายได้

...

ด้าน นายชำนาญ ชูเที่ยง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า พื้นที่ทำนาในลุ่มบางระกำโมเดล ได้แก่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ และ อ.เมืองพิษณุโลก พื้นที่กว่า 326,000 ไร่ ขณะนี้ชาวนาพื้นที่ดังกล่าวได้เร่งเก็บเกี่ยวตามโครงการบางระกำโมเดล 62 แล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ และที่เหลือจะต้องเก็บเกี่ยวให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ เพื่อให้ทันฤดูน้ำหลาก ที่คาดว่าจะฝนตกมากในช่วงกลางเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน ส่วนพายุ “วิภา” นั้น ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ได้รับผลกระทบเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามขอเตือนเกษตรกรในพื้นที่บางระกำโมเดลไม่ควรทำนารอบต่อไป เนื่องจากอาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมได้.