หนุ่มพิษณุโลกวัย 38 ปี ใช้ปืนไทยประดิษฐ์ยิงตัวตายคาห้องนอนในบ้าน ที่ ต.วังทอง ญาติเผยก่อนหน้านี้เจ้าตัวบ่นเซ็งกับชีวิต แถมยังเป็นโรคซึมเศร้า เก็บตัวคนเดียว อีกทั้งมีประวัติใช้ยาเสพติด

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ร.ต.อ.หญิง วิรัลพัชร วรพงศ์ปกรณ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีคนยิงตนเองเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง บ้านเสือลากหาง ต.วังทอง ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ต.บุญญาพาส เพ็งฤกษ์ นวท.สบ.2 กสก.ศพฐ.6 แพทย์เวร รพ.วังทอง และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยบูรพา พบที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีญาติและชาวบ้านมุงดูเหตุการณ์อยู่รอบบ้านจำนวนมาก พบนางอนงค์ อินทิม อายุ 57 ปี เจ้าของบ้านรออยู่

ตรวจสอบภายในห้องนอนของ นายกฤษดา อินทิม อายุ 38 ปี บุตรชายที่ใช้อาวุธไทยประดิษฐ์ไม่ทราบขนาดกระสุน ยิงตนเองเสียชีวิต สภาพศพนอนหงายอยู่บนที่นอน มีเลือดไหลออกจากรูกระสุนปืนบริเวณขมับขวาเล็กน้อย สวมเสื้อกล้ามสีดำ ใส่กางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นสีดำ แขนซ้ายกอดปืนไทยประดิษฐ์ความยาวประมาณ 13 นิ้ว ลักษณะเป็นท่อนเหล็กกลึงและดัดแปลงสลักสำหรับยิงเหมือนปืนปากกา โดยมือยังกำบริเวณปากกระบอกปืนไว้อยู่

...

ตำรวจสอบสวน นางอนงค์ มารดาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า บ้านหลังเกิดเหตุตนพักอาศัยอยู่กับบุตรชายเพียง 2 คน เนื่องจากสามีเสียชีวิตไปเป็นสิบปีแล้ว บุตรชายจะเป็นคนชอบเสพยาเสพติด ทั้งยาบ้า ทั้งดมกาว เคยถูกตำรวจจับเข้าคุกหลายครั้งจนจับแทบไม่ได้ ล่าสุดเพิ่งออกจากคุกมาได้ประมาณ 3 ปี ก็ยังแอบเสพอยู่เหมือนเดิม จนทำให้ควบคุมสติไม่ได้ แถมยังเป็นโรคซึมเศร้า เก็บตัวอยู่เพียงคนเดียวในห้องนอนเป็นส่วนใหญ่ ก่อนหน้านี้เคยบ่นว่าอยากกลับเข้าไปอยู่ในคุกอีก เพราะอยู่ข้างนอกรู้สึกวุ่นวาย และรู้สึกเซ็งกับชีวิต เมื่อคืนประมาณสองทุ่มตนกลับมาที่บ้านเห็นว่ายังเปิดทีวีอยู่ก็เลยปิดทีวีให้ ก่อนเข้านอนเพราะต้องตื่นเช้า 

มารดาผู้เสียชีวิตกล่าวอีกว่า กระทั่งเวลาประมาณตีห้าวันนี้ ตนออกจากบ้านไปขายไข่ไก่ที่ตลาดสดเสือลากหางตามปกติ พอช่วงแปดโมงเช้ากลับมาบ้านจึงเดินเข้าไปในห้องนอนของบุตรชายที่ไม่ได้ล็อกประตูไว้ เพื่อเรียกให้ไปกินข้าว ก็พบว่าใช้อาวุธซึ่งไม่ทราบว่าเอามาจากไหนยิงตนเองเสียชีวิตไปแล้ว จึงแจ้งเหตุให้ตำรวจทราบดังกล่าว

เบื้องต้นตำรวจคาดว่า นายกฤษดาอมปากกระบอกปืนก่อนลั่นไกสังหารตนเอง ทำให้กระสุนทะลุออกทางขมับขวา เวลาประมาณ 24.00 น. คืนที่ผ่านมา เนื่องจากมีเพื่อนบ้านได้ยินเสียงดังคล้ายประทัดช่วงเวลาดังกล่าว จึงให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำศพส่งให้แพทย์ชันสูตรอีกครั้งที่โรงพยาบาลพุทธชินราช ก่อนมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี.