สิงห์โตทองไรซ์ โวยร้องศูนย์ดำรงธรรมกำแพงเพชรช่วย หลังองค์การคลังสินค้าฯ เบี้ยวเงินค่าเช่าคลังกว่าร้อยล้านบาท ชี้ไม่เป็นธรรมเอาเปรียบผู้ประกอบการ อัยการจังหวัดร่วมร่วมจัดการไกล่เกลี่ย

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ที่ห้องประชุมสำนักงานจังหวัดกำแพงเพชรชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย อายุ 49 ปี ประธานบริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เลขที่ 111 หมู่ 2 ต.ธำมรงค์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ได้ร้องเพื่อขอความเป็นธรรมผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกำแพงเพชร
โดยมี นายเจษฎา รักวนิชย์ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานประชุมร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง อาทิ ตัวแทนจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกำแพงเพชร,กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดกำแพงเพชร ,กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกำแพงเพชร,ยุติธรรมจังหวัดกำแพงเพชร,พาณิชย์จังหวัดกำแพงเพชร,อุตสาหกรรมจังหวัดกำแพงเพชร,เกษตรจังหวัดกำแพงเพชร,ร่วมกับตัวแทนของผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ประกอบด้วย นายคมกิจ ขวัญทิพย์ธนสาร และคณะฯ ได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหา

กรณีองค์การคลังสินค้าผิดสัญญาเช่าคลังสินค้า และค่าแรงกรรมกร เนื่องจากองค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ อนุมัติให้เช่าคลังสินค้าของบริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2557 ถึงเดือนพฤษภาคม 2562 เพื่อเก็บข้าวสารจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล มาเก็บรักษาไว้ในคลังสินค้าของบริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด แต่องค์การคลังสินค้ามิได้จัดทำหนังสือสัญญาเช่าคลังสินค้า หลัง A 1 และหลัง A 6 ให้แก่บริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ไว้เป็นหลักฐาน และบ่ายเบี่ยงมิได้ทำบันทึกต่อท้ายสัญญาเช่าคลังสินค้า หลัง 13 และคลังสินค้า หลัง 2 ให้แก่บริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรม เอาเปรียบผู้ประกอบการ และทำให้บริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้รับความเสียหายอย่างมาก รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 113,461,325 บาท (หนึ่งร้อยสิบสามล้านสี่แสนหกหมื่นหนึ่งพันสามร้อยยี่สิบห้าบาทถ้วน)

...


นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย ประธานบริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ชี้แจงว่า ทางบริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ทวงถามเรื่องเงิน ค่าเช่า มาตลอดเป็นเวลาระยะหนึ่ง แต่องค์การคลังสินค้าเพิกเฉยมาโดยตลอด จึงร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้การแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวด้วย โดยได้นำเสนอข้อมูลต่างๆในที่ประชุม พร้อมกับการนำเสนอข้อมูลของทางฝ่ายตัวแทนองค์กรคลังสินค้า เพื่อรายงานผลการแก้ไขปัญหาร่วมกันให้ผู้เกี่ยวข้องระดับสูงได้รับทราบ เช่นสำนักงานอัยการสูงสุด องค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ และกรมบัญชีกลาง เพื่อทำการเร่งรัดการแก้ปัญหาในทางสัญญาลงนาม การเบิกเงินให้ผู้ประกอบการ เพื่อเยียวยาช่วยเหลือ 

ทั้งนี้ทางผู้ประกอบการบริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่นจำกัด ยังขอสงวนสิทธิ์ ถ้ายังไม่ได้รับเงินค่าเช่าคลังจำนวน 113 ล้านบาทเศษ ก็จะไม่ยินยอมให้นำข้าวสารออกจากคลังบริษัท นอกจากนี้ทางอคส.ยังได้นำข้าวบางส่วนจากคลังสินค้า หลัง A1 บางส่วนมากองไว้ที่หน้าคลังสินค้า ประมาณ 20,000กระสอบ ซึ่งไม่ได้มีการดูแลรักษาคุณภาพข้าว และกีดขวางพื้นที่การทำงานของบริษัทอีกด้วย ซึ่งปัญหาดังกล่าวทางผู้ประกอบการยังหวังว่าการประชุมหารือแก้ไขปัญหาเพื่อเยียวยาผู้ประกอบการในครั้งนี้จะเป็นไปได้ในการหาทางออกที่สำเร็จด้วยดี เพราะทางองค์การคลังสินค้ามีเงินสำรองในเรื่องนี้อยู่แล้ว และทราบว่าทางนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มอบนโยบายการระบายข้าวที่มีปัญหานี้ ให้หมดไปภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2562 นี้ ต่อไป.