ทนายประจำบริษัทปางช้างแม่สา หาข้อยุติศึกชิงมรดกพันล้านบาท เผยหากจะจบการฟ้องร้องพี่น้องต้องคุยกัน ย้ำเจตนารมณ์ของพ่อเลี้ยง ให้มาช่วยกันบริหารปางช้างและอนุรักษ์ช้างไว้คู่เชียงใหม่ตลอดกาล
กรณีการเสียชีวิตของนายชูชาติ กัลมาพิจิตร อายุ 79 ปี เจ้าของบริษัทปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว ในบ้านพักหรู กลางดอยแม่แรม อ.แม่ริม ทิ้งมรดกกว่าพันล้านไว้ ทำให้บรรดาลูกหลานต้องแบ่งฝักแบ่งฝ่ายฟ้องร้องถึงสาเหตุการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำพร้อมทั้งขอเป็นผู้จัดการการจัดการบริหารมรดก แต่ปรากฏว่านายชูชาติ ได้จัดทำพินัยกรรมไว้ก่อนเสียชีวิตแล้วและทายาทส่วนมากได้ขอเปิดพินัยกรรม เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยผลพินัยกรรมทรัพย์สินส่วนใหญ่ให้กับบริษัทปางช้างแม่สา ทำให้ทายาทคนโต ก็คือ นางอัญชลี กัลมาพิจิตร อายุ 51 ปี ได้ฟ้องร้องทางศาลเพื่อดำเนินการด้านกฎหมายถึง 13 คดีทั้งทางแพ่งและอาญาโดยศาลนัดคู่กรณีทุกคนมาพบในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้ว
ความคืบหน้าในเรื่องนี้หลังจากที่ไทยรัฐได้เสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง มีผู้ติดตามจำนวนมากเนื่องจากเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงของจังหวัด และในวงการคนเลี้ยงช้างทั่วประเทศ พร้อมกันนี้ทางโลกโซเชียลเฟซบุ๊กที่ทางบรรดาเครือญาติของนายชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ล่วงลับได้ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กตอบโต้กันท่ามกลางความสนใจโดยมีกองเชียร์แต่ละฝ่ายร่วมแสดงความคิดเห็นกัน
ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบกับ นายพงศ์ สุภาวสิทธิ์ ทนายความประจำบริษัทปางช้างแม่สา จำกัดซึ่งร่วมจัดทำพินัยกรรม กับนายชูชาติ กัลมาพิจิตร ก่อนที่จะเสียชีวิต ที่สำนักงานกฎหมาย ดร.พงศ์ สุภาวสิทธิ์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่โดยผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางที่จะยุติปัญหาทั้งหมดของบรรดาผู้ที่ได้รับพินัยกรรม ซึ่งนายพงศ์ ได้เปิดเผยว่าก่อนอื่นตนจะไม่ขอพูดก้าวล่วงในคดีที่ฟ้องกันอยู่ แต่จะพูดในฐานะเป็นที่ปรึกษาของนายชูชาติ กัลมาพิจิตรและทนายความของบริษัทปางช้างแม่สา จริงๆ แล้วท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ลูกหลานทะเลาะกัน ก็เลยเอาทรัพย์สินทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นบรรดาช้างก็ดี และอสังหาริมทรัพย์ก็ดี ทำพินัยกรรมยกให้บริษัทปางช้างแม่สาทั้งหมด
...
ทนายความประจำบริษัทปางช้างแม่สา กล่าวต่อว่า ส่วนเงินสดในธนาคารแบ่งให้ทายาทเท่าๆ กัน ส่วนหุ้นสำหรับผู้ที่จะเข้าไปบริหารบริษัทปางช้างแม่สา ก็ตกกับลูกชายคนเล็ก และภรรยาที่จดทะเบียน ส่วนลูกสาวคนโตและลูกชายคนเล็กอีกคนที่มาเป็นคดีตามที่เป็นข่าวที่มีการฟ้องคดีแพ่งและคดีอาญารวมทั้งหมด 13 คดี ทีนี้หนทางแก้ปัญหาตนก็คงไม่เข้าไปล่วงเลยในเนื้อหาของคดี แต่ว่าตนมองภาพภายนอกตามเจตนารมณ์ของพ่อเลี้ยงชูชาติ ไม่อยากให้ลูกๆ ทุกคนของท่านทะเลาะกัน ท่านได้บอกว่า ถ้ามีทางก็ให้ช่วยกันดูแลปางช้าง

นายพงศ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนได้คุยกับนายเชิดศักดิ์ กัลมาพิจิตร ที่เป็นประธานบริษัทปางช้างในเวลานี้ ก็บอกว่าขอให้มันจบเรื่องคดีก่อน ก็จะมีการพูดคุยกับพี่สาวก็คือนางอัญชลี กัลมาพิจิตร กับน้องชายก็คือนายพิชกร กัลมาพิจิตร ซึ่งหนทางก็มีทางเป็นไปได้ เพราะหุ้นถึงแม้นายเชิดศักดิ์จะได้ไปก็ตาม นายเชิดศักดิ์ก็ถือว่าไม่ได้เป็นของตัวเอง แต่เป็นของตระกูลอยู่ ดังนั้นหากมีผลกำไรจากการประกอบการ ก็จะเอามาแบ่งให้กับลูกหลานทุกคน ไม่ได้เป็นของคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นแนวทางอันนี้จะไม่มีข้อพิพาทเกิดขึ้น ส่วนข้อพิพาทในคดีในศาลนั้น ตนว่าเมื่อเปิดพินัยกรรมแล้วทุกอย่างคงจะคลี่คลายขึ้น โดยในวันที่ 28 มิ.ย.ตนจะเป็นคนนำพินัยกรรมไปยื่นพร้อมกับคลิปต้นฉบับเป็นภาพตอนที่นายชูชาติ ทำพินัยกรรม โดยมีแพทย์ผู้ตรวจร่างกายและเชิญมาเป็นพยานด้วย
ผู้สื่อข่าวถามกรณีนางอัญชลี กัลมาพิจิตร ร้องเกี่ยวกับกรณีสาเหตุการเสียชีวิตของนายชูาติ กัลมาพิจิตร มีเงื่อนงำ นายพงศ์ ตอบว่าอาจจะเป็นการเข้าใจผิด อย่างไรก็ตามเนื้อหาเรื่องนี้อยู่ในศาลก็คงไม่สามารถพูดได้ แต่เรื่องนี้ทุกอย่างจะกระจ่างหลังตรวจดูพินัยกรรมแล้ว
"ในเรื่องนี้ผมได้แนะนำนายเชิดศักดิ์แล้วว่า พี่น้องกันไม่ทะเลาะกัน ขอให้พูดคุยกัน เพื่อสร้างความเข้าใจกับพี่สาวกับน้องชาย ให้มาช่วยกันบริหารงานสนองเจตนารมณ์ของพ่อ ไม่ใช่จะแบ่งกันเอาเป็นของคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ต้องเป็นของบริษัทปางช้างที่เดียว เพื่อให้บริษัทปางช้างแม่สาอยู่เมืองเชียงใหม่ไปตลอดกาล ผมเองก็อยากจะบอกว่าขอให้ยุติไม่ต้องการให้มีการทะเลาะกัน เพราะกิจการของพ่อเลี้ยงอยากให้มีการอนุรักษ์ช้างไว้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และอีก 400 กว่าชีวิตจะได้มีงานทำ" นายพงศ์ กล่าว
ด้าน นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ยังคงยืนกรานว่าตนไม่ยอมรับในการมีพินัยกรรมมาตั้งแต่ต้น ศาลได้นัดให้ทุกฝ่ายไปศาล ในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ เวลา 09.00 น. โดยตนได้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก โดยมีผู้คัดค้าน คือนางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ซึ่งอ้างต่อศาลว่ามีพินัยกรรมและในพินัยกรรมระบุให้นายเชิดศักดิ์ กัลมาพิจิตร บุตรชายและนางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ภรรยา ของนายชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ตาย เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน ก่อนหน้านี้ทางตนเป็นโจทก์ยื่นฟ้องไว้หลายคดี เกี่ยวเนื่องกับเพิกถอนหุ้นและเพิกถอนกรรมการบริษัท รวม 3 บริษัท ศาลได้รับฟ้องไปทั้งหมด 13 คดี มีบางคดีผ่านขั้นตอนการนัดไกล่เกลี่ยไปแล้วและต้องเข้าสู่ขั้นตอนของศาลในการพิจารณาไต่สวน ซึ่งทุกคดีมีความเชื่อมโยงกันหมด โดยเฉพาะคดีหุ้นที่ปรากฏอยู่ในพินัยกรรมขณะนี้.