ลูกสาวและลูกชายพร้อมทนาย ไม่พอใจ ตร.เจ้าของคดีไม่ยอมเปิดเผยสำนวนสอบคดีการตายปริศนาของ นายชูชาติ กัลมาพิจิตร เจ้าของปางช้างแม่สา ห่วงพินัยกรรมที่จะเปิดไม่ใช่ของจริง รวมทั้งช้าง 80 เชือก...
กรณีการเสียชีวิตของ นายชูชาติ กัลมาพิจิตร อายุ 79 ปี เจ้าของปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และกิจการรีสอร์ตและน้ำดื่ม พร้อมทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ ที่มีมากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยระบุการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว เมื่อคืนวันที่ 27 ม.ค.นี้ แต่ทางญาติที่เป็นลูกสาวคนโต นางอัญชลี กัลมาพิจิตร อายุ 51 ปี ได้สงสัยการเสียชีวิต จึงของอายัดศพเพื่อผ่าพิสูจน์ศพ โดยผลเบื้องต้นไม่พบสาเหตุการเสียชีวิตที่ส่อเค้าเป็นตายผิดธรรมชาติ แต่รอผลทางนิติวิทยาศาสตร์จากทางตำรวจ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 4 มิ.ย.62 นางอัญชลี กัลมาพิจิตร พร้อมนายพิชยะ กัลมาพิจิตร น้องชาย และทนายความ ได้เดินทางมาติดตามผลคดี ซึ่งทราบว่าทางตำรวจได้มีการสรุปผลแล้ว เพราะเป็นเวลาเนิ่นนานมาร่วม 4 เดือนแล้ว แต่ปรากฏว่าทางตำรวจที่เกี่ยวในคดีขอให้ทางนางอัญชลี ทำหนังสือเข้ามา และในเบื้องต้นทราบว่าสำนวนการสอบสวนทั้งหมดอยู่ที่ผู้บังคับบัญชา คงต้องทำเรื่องมาตามขั้นตอน ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจแก่นางอัญชลี เป็นอย่างมาก และมีความสงสัยการเสียชีวิตของพ่อเพิ่มยิ่งขึ้น
...
นางอัญชลี กล่าวว่า ในวันนี้ตนเห็นว่าเวลาล่วงเลยมานานร่วม 4 เดือนแล้ว ทางตำรวจยังไม่ได้แจ้งผลในคดีให้ทราบเลย ตนพร้อมกับทนายจึงได้มาติดตามเรื่องการเสียชีวิตของ นายชูชาติ กัลมาพิจิตร บิดา ว่าจากสาเหตุใดแน่ ก็ต้องมานั่งรอ ในส่วนเรื่องการฟ้องร้องในเรื่องพินัยกรรมและคดีต่างๆ ตนได้ฟ้องไปทั้งหมด 13 คดี และทราบว่าเรื่องพินัยกรรมนั้น ในครั้งแรกจะเปิดหลัง 7 วันที่บิดาเสียชีวิต แต่เลื่อนไป 30 วัน จากนั้นก็เลื่อนไป 100 วัน ในขณะนี้มีกำหนดจะเปิดวันที่ 22 มิ.ย.62 แต่มีการเลื่อนมาขอเปิดในวันที่ 8 มิ.ย.62 แทน โดยมีการส่งหนังสือแจ้งมายังตน 3 ครั้งแล้ว
ลูกสาวคนโต กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวเห็นว่าพินัยกรรมมีจริงหรือไม่ก็ไม่ทราบ และอาจจะมีการทำขึ้นมาใหม่ ตนต้องการพินัยกรรมเก่าที่เคยทำไว้กับทนายคนเดิม ไม่ทราบว่าฉบับนั้นไปอยู่ที่ไหนแล้ว ดังนั้นในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ ตนไม่ไปร่วมเปิดอย่างแน่นอนในขณะนี้ สิ่งที่ตนเป็นห่วงที่สุดก็ คือ ช้างในปางช้างแม่สา กว่า 80 เชือก ที่เป็นชื่อของบิดา ที่จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากการบริหารจัดการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ที่จะต้องใช้ในการบริหารจัดการทั้งคน และช้างเดือนละ 5 ล้านบาท และเท่าที่ตนติดตามมาพบว่าเมื่อปี 2561 มีช้างล้มถึง 8 เชือก โดยที่สาเหตุยังไม่มีหน่วยงานไหนตรวจสอบ ทั้งนี้ ตนเองก็ทำหนังสือไปถึงหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามารวจสอบเพื่อดำเนินการในเรื่องที่เกิดขึ้น หากยังมีการยืดเยื้อในเรื่องมรดกพินัยกรรมซึ่งไม่ทราบว่าจะยุติลงเมื่อใด.